• ดัชนีดอลลาร์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ขณะที่ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ดูจะแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ฟื้นตัวจากความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยงที่กลับเพิ่มขึ้นในตลาด โดยจะเห็นได้จาก 3 ดัชนีหลักในตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับขึ้นได้กว่า 2% จากผลประกอบการบริษัทฯที่สดใส
หัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงินจาก TD Securities กล่าวว่า ดูเหมือนขณะนี้จะกลับมาเป็นสภาวะ Risk-on อีกครั้ง โดยราคาหุ้นในตลาดดูจะมีการฟื้นตัวได้ทั่วอีกครั้ง หลังจากที่เผชิญกับภาวะ Panic และทำให้เกิดแรงเทขายเข้ามาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีทรงตัวบริเวณ 3.16% หลังจากที่ไปทำระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริเวณ 3.26% และการอ่อนตัวดังกล่าวก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ลดความต้องการถือครองค่าเงินดอลลาร์
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.04% ที่ระดับ 1.1582 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้น 0.34% ที่ระดับ 112.15 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้ค่าเงินเยนขยับขึ้นต่อมาที่ 112.31 เยน/ดอลลาร์ และดัชนีดอลลาร์ยังทรงตัวที่ 95.08 จุด
• คณะผู้แทนทางการค้าของสหรัฐฯ กล่าวกับสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเปิดกว้างต่อการเจรจาทางการค้ากับทางอียู, อังกฤษ และญี่ปุ่น โดยภายใต้กฎระเบียบ ทางสหรัฐฯจะไม่สามารถเริ่มต้นเจรจากับทั้ง 3 ประเทศได้จนกว่าจะครบ 90 วันหลังจากที่มีการแจ้งรายละเอียดต่อสภาคองเกรส
• รายงานจาก World Economic Forum เผยผลสำรวจประจำปีเกี่ยวกับการแข่งขันทางการค้าทั่วโลกพบว่า สหรัฐฯติดอันดับสูงสุดได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2007-2009 โดยได้รับอานิสงส์จาก
• รายงานจาก AFP ระบุว่า นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ปัญหา Brexit ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวให้สัมภาษณ์กับทางหนังสือพิมพ์ Fox Business Network โดยยังคงแสดงความไม่พอใจต่อการดำเนินงานของเฟด โดยระบุในเชิงเฟดเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ของเขา
นอกจากนี้ นายทรัมป์ ยังมีการระบุว่า คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก หากกษัตริย์ของซาอุดิอาระเบีย หรือมกุฎราชกุมาลมีส่วนรู้เห็นต่อการหายตัวไปของ นายจามาล กาช็อกกี
ขณะที่รายงานจาก BBC มองว่า แรงกดดันมีเพิ่มขึ้นต่อทางซาอุดิอาระเบียที่ต้องอธิบายให้ได้ถึงสาเหตุการหายตัวไปของผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว ขณะที่นายทรัมป์ มีการส่ง นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเข้าพบกับกษัตริย์ซามาลของซาอุดิอาระเบีย
• เจ้าหน้าที่จากตุรกี กล่าวกับสำนักข่าว CNN ว่า ศพของนายกาช็อกกีน่าจะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ หลังจากที่เขาถูกฆ่าตายในสองสัปดาห์ที่แล้วที่สถานกงสุลของซาอุดิอาระเบียในกรุงอิสตันบูล ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตุรกีที่ได้ทำการค้นหาทั่วสถานกงสุลเป็นเวลากว่า 9 ชั่วโมงในวันจันร์ที่ผ่านมา แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติมต่อวิธีการเคลื่อนย้ายศพ
• รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงของเกาหลีใต้ เผยว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ มีการเข้าหารือกับทาง UNC เป็นครั้งแรกเพื่อหารือถึงแนวทางการสร้างเขตปลอดทหารบริเวณพรมแดนของทั้งสองประเทศ
• รายงานจาก CNBC ระบุว่า จีนมีการปรับลดการถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯในเดือนส.ค. ประมาณ 6 พันล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. ปี 2017 สู่ระดับ 1.165 ล้านล้านเหรียญ จากเดือนก.ค. ที่อยู่ที่ระดับ 1.171 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งดูเหมือนทางการจีนจะลดการถือครองตราสารหนี้สหรัฐฯลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดในปีก่อนที่ 1.2 ล้านล้านเหรียญ
ทั้งนี้ รายงานจาก CNBC ระบุว่า การปรับลดดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
• ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นท่ามกลางนักลงทุนที่ระมัดระวังต่อการซื้อขายท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าปริมาณผลผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันตลาดก็มีความกังวลต่อภาวะอุปทานของตะวันออกกลางที่อาจได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน นอกจากนี้ยังมีประเด็นความตึงเครียดที่ขยายตัวขึ้นของผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบียที่เป็นจุดสนใจอยู่ในตอนนี้
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 63 เซนต์ คิดเป็น +0.8% ที่ระดับ 81.41 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 14 เซนต์ ที่ระดับ 71.92 เหรียญ/บาร์เรล