ทั้งนี้ หลังจากที่ค่าเงินปอนด์ Break หลุดต่ำกว่าแนวรับ 1.3103 ดอลลาร์/ปอนด์ ก็ดุูจะลงมาเคลื่อนไหวบริเวณะระดับเส้น Fibonacci Retracement 38.2% และเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 วัน ระหว่าง 1.2662 - 1.4377 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยค่าเงินปอนด์ดูมีโอกาสอ่อนตัวต่อมาทดสอบระดับเป้าหมาย 1.3030 ดอลลาร์/ปอนด์ และ 1.2970 ดอลลาร์/ปอนด์ ตามลำดับ
· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งฝรั่งเศส ประกาศยกเลิการเดินทางไปร่วมการประชุมด้านการลงทุนที่จะจัดขึ้นในเมืองริยาด ของซาอุดิอาระเบีย ในสัปดาห์หน้า โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์ในซาอุฯยังไม่เหมาะสม หลังจากเกิดคดีของนายจามาลที่สร้างความขัดแย้งให้กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
· รายงานจากกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ายอดขาดดุลของรัฐบาลสหรัฐฯในปีงบประมาณ 2018 ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 7.79 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเป้นระดับสูงสุดที่สุดในรอบ 6 ปี ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายปรับลดภษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องมีการกู้ยืมมากขึ้น
เนื่องจากยอดขาดดุลของภาครัฐที่ย่ำแย่ลง ระดับหนี้สินในสหรัฐฯจึงแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงเช่นเดียวกันสำหรับปีต่อๆไป ซึ่งทีมบริหารของนายทรัมป์ได้เคยคาดการณ์ว่ายอดขาดดุลของรัฐบาลจะแตะระดับ 1 ล้านล้านเหรียญภายในปี 2019 ซึ่งใกล้เคียงกับยอดดุลในปี 2012 ที่มียอดขาดดุลมากถึง 1.1 ล้านล้านเหรียญ
· นายมัตเตโอ ซาลวินี รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี ประกาศอาจพิจารณาลงสมัครการเลือกตั้งตำแหน่งประธานคณะกรรมการแห่งสหภาพยุโรปครั้งต่อไป ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23-26 พ.ค. ปี 2019 โดยนายมัตเตโอ เป็นผู้ที่มีแนวคิดไม่สนับสนุนให้สหภาพยุโรปเพิ่มมาตรคว่ำบาตรรัสเซีย
· ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ดังเดิมที่ระดับ 1.50% ในการประชุมวันนี้ตามคาด แต่ได้แสดงความกังวลต่อระดับหนี้สินของภาคครัวเรือนและความไม่มั่นคงทางการเงิน ส่งผลให้กระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้อาจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งเดือนหน้ามีสูงยิ่งขึ้น
· ยอดส่งออกของญี่ปุ่นในเดือน ก.ย. ชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 ที่ระดับ 4.8% ท่ามกลางปริมาณการส่งออกสู่สหรัฐฯและจีนที่ปรับลดลงจากความกังวลในความขัดแย้งทางการค้า จึงอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3/2018
ขณะที่การส่งออกของญี่ปุ่นสู่สหรัฐฯปรับลดลง 0.2% ในรอบปีนี้ถึงเดือน ก.ย. โดยได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกสินค้าในกลุ่มการก่อสร้าง เครื่องจักรสำหรับขุดเหมือง ชินส่วนรถยนต์ และยาเวชภัณฑ์ที่ลดน้อยลง
· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งสัญญาณว่าเธอเปิดกว้างต่อแนวคิดที่จะขยายระยะเวลาของช่วงเวลาที่อังกฤษยังสามารถอยู่ในระบบการค้าร่วมกับสหภาพได้ออกไปอีก “2-3 เดือน”
ขณะที่ตัวแทนการเจรจา Brexit จากสหภาพยุโรป ได้เคยส่งสัญญาณว่าพวกเขายินดีขยายช่วงเวลาดังกล่าวออกไปได้ถึง 1 ปี เพื่อให้เวลาอังกฤษสามารถเจรจาการค้ากับยุโรปรวมถึงแก้ปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับพหรมแดนไอร์แลนด์ได้เสียก่อน
· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามกับสื่อมวลชน ภายหลังจากการเจรจา Brexit กับตัวแทนจากสหภาพยุโรปครั้งล่าสุด
โดยก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมการประชุม รายงานจากสำนักข่าวระบุว่า นางเมย์มีมุมมองที่ดีต่อผลการเจรจาครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ารวมถึงปัญหาชายแดนไอร์แลนด์ที่ยืดเยื้อมานาน
อย่างไรก็ตาม นางเมย์ยังคงเผชิญกับความขัดแย้งภายในรัฐสภาอังกฤษ โดยนายเจเรมี โคบลิน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในสภา ได้ตีตราว่าแผนดำเนินการ Brexit ของนางเมย์ ได้“จบสิ้นแล้ว”
ขณะที่ทางด้านเยอรมนีและฝรั่งเศสได้ยกระดับการเตรียมรับมือกับกรณีที่การเจรจา Brexit จบลงแบบ No-deal แม้ว่าจะมีเสียงแตกแยกออกไปเป็น 2 ฝั่ง โดยที่ฝั่งหนึ่งเชื่อว่าการเจรจา Brexit ยังมีโอกาสที่จะสามารถบรรลุผลได้
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนักข่าวซาอุดีอาระเบียที่มีชื่อเสียง ขณะที่ราคาทรงตัวหลังจากที่ปรับร่วงลงอย่าหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา จากการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ 6.5 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว