• ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 327.23 จุด คิดเป็น -1.3% ที่ระดับ 25,379.45 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ -1.4% ที่ระดับ 2,768.78 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -2.1% ที่ระดับ 7,485.14 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับลงไปกว่า 1% ท่ามกลางคณะกรรมาธิการอียูที่กล่าวเตือนถึงงบประมาณของอิตาลี และความกังวลเกี่ยวกับจะความเป็นไปได้ที่จะเกิดความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯและซาอุดิอาระเบีย จึงทำให้นักลงทุนลดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงที่เกิดภาวะตึงเครียดทางการค้าระดับโลกและการขึ้นดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีพุ่งขึ้นหลังจากที่คณะกรรมาธิการของอียู ระบุว่า แผนงบประมาณปี 2019 ของอิตาลีนั้นขัดต่อกฎเกณฑ์ของอียู
ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังมีแรงกดดันต่อ จากถ้อยแถลงของนายสตีฟ มนูชิน เลขาธิการกระทรวงการคลังสหรัฐฯที่ระบุว่า สหรัฐฯกำลังทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและซาอุดิอาระเบีย โดยเฉพาะหากผู้นำซาอุดิอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายกาช็อกกี จึงทำให้นักลงทุนกังวลว่าซาอุดิอาระเบียอาจถูกคว่ำบาตรตามมา และจะส่งผลให้เกิดความตึงตัวในภาวะอุปทานน้ำมัน รวมทั้งหนุนให้ราคาพลังงานปรับตัวขึ้น
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนลบ ท่ามกลางแรงกดดันหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ โดยบรรดานักลงทุนกำลังจับตาดูการรายงานตัวเลข GDP ของจีนในช่วงเช้าวันนี้ ที่คาดว่าจะประกาศออกมาชะลอตัวลง
โดยดัชนี Nikkei เปิด -1.5% ขณะที่ดัชนี Kospi เปิด -0.88%
• นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 32.55-32.70 บาท/ดอลลาร์
• ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพี ยังสามารถเติบโตได้ตามที่คาดการณ์ที่ระดับ 4.8% แต่หากมีปัจจัยสนับสนุนให้สามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพก็มีโอกาสจะขยายตัวถึง 5% ซึ่งต้องมาพิจารณาดูในรายละเอียดอีกครั้ง โดย สศค.จะมีการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในวันที่ 29 ต.ค.2561