• ดัชนีดาวโจนส์ปิด +64.89 จุด ที่ระดับ 25,444.34 จุด ท่ามกลางแรงหนุนจากการรายงานผลประกอบการที่สดใสจากหุ้น Procter & Gamble ซึ่งเป็นการปิดตลาดรายสัปดาห์ในแดนบวกครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์
ทางด้านดัชนี S&P 500 ปิดตลาดค่อนข้างทรงตัวที่ระดับ 2,767.78 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด -0.5% ที่ระดับ 7,449.03 จุด เนื่องจากหุ้น Facebook, Amazon และ Netflixต่างมีผลประกอบการที่อ่อนแอลง
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่จับตารอการรายงานผลประกอบการของสหรัฐฯในช่วงสัปดาห์นี้ ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-ซาอุดิอาระเบีย รวมถึงอิตาลีและ Brexit ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นอยู่
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิด -0.25% ขณะที่ดัชนี Nikkei เปิด -1.0% และดัชนี Kospi เปิด -0.7%
• นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 32.50-32.90 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่ตัวเลขการส่งออกของไทยประจำเดือนก.ย. ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนต.ค. ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3/2561 (advance) และรายงาน Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีน ผลการประชุมนโยบายการเงินของอีซีบี และดัชนี PMI ของประเทศชั้นนำอื่น ๆ
• ธนาคารกรุงไทย ประกาศกำไรไตรมาสที่ 3 จำนวน 7.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.50% ซึ่งเป็นผลมาจากตั้งสำรองหนี้สูญลดลง ด้านสินเชื่อขยายตัวเล็กน้อย ขณะที่นโยบายยกเว้นค่าฟีธุรกรรมออนไลน์เริ่มกระทบรายได้ โดยในเดือนที่ผ่านมา เติบโต 26.7%