· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นท่ามกลางการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกหลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปส่งสัญญาณที่ว่าอาจเกิดการชะลอตัวในเขตยูโรโซนและนั่นส่งผลกระทบเชิงลบต่อค่าเงินยูโร
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 6 วันทำการจากคาดการณ์ผลประกอบการบริษัทผลิตชิพ ประกอบกับความกังวลที่ว่าผลกระทบต่อรายงานผลประกอบการจะมาจากนโยบายการขึ้นภาษีสินค้าที่ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.54% มาทรงตัวที่ 96.438 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าลงมาที่ 112.23 เยน/ดอลลาร์
· ผลสำรวจ PMI ของยูโรโซนเกี่ยวกับภาคการผลิตและธุรกิจชะลอตัวลง นำโดยภาคเอกชนของเยอรมนีที่ร่วงลงทำระดับต่ำสุดรอบกว่า 3 ปี และการผลิตในฝรั่งเศสทำระดับต่ำสุดรอบ 25 เดือน และส่งผลให้ค่าเงินยูโรร่วงลงกว่า 0.8% หลุดระดับสำคัญทางเทคนิค 1.14 ดอลลาร์/ยูโร และทรงตัวที่ 1.139 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นการปรับตัวลงระดับวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่ 27 ก.ย.
· ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ ที่ 1.287 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนและตลาดที่รอคอยผลการเข้าพบระหว่าง นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่จะเข้าพบกับรัฐสภาอังกฤษหลังจากที่มีการพูดคุยกับกลุ่มผู้นำอียูเกี่ยวกับกลยุทธ์ Brexit ของเธอ
· รายงาน Beige Book ของเฟดที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ ระบุว่า บรรดาภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯมีการปรับราคาสูงขึ้นเนื่องจากนโยบายขึ้นภาษีสินค้า แม้ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับปานกลางในพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐฯก็ตาม ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจขยายวได้ระดับปานกลางเช่นกัน และมีรายงานว่าอุตสาหกรรมบางแห่งกำลังขาดแคลนแรงงาน
· นายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่ารัสเซียจะทำการเพ่งเล็งไปยังประเทศในยุโรปที่ให้การร่วมมือกับสหรัฐฯในการจัดเก็บอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ภายหลังจากที่สหรัฐฯประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงด้านการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ที่ร่วมลงนามกับรัสเซียตั้งแต่สมัยสงครามเย็น
· การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ชะลอตัวลงเกินคาดในไตรมาสที่ 3 ท่ามกลางการปรับตัวลงของภาคการลงทุนในประเทศที่ลดแนวโน้มเชิงบวกจากความพยายามของรัฐบาลในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและความแข็งแกร่งของภาคส่งออก โดยจีดีพีเกาหลีใต้ขยายตัวได้ 0.6% จากคาดการณ์ที่ว่าจะออกมาที่ 0.7%
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เขาและนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะสามารถจัดการประชุมร่วมกันได้เป็นครั้งที่ 2 แม้จะยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับวันที่และระยะเวลาก็ตาม
· ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น โดยตลาดรีบาวน์กลับหลังจากที่ร่วงลงมาในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 39 เซนต์ ที่ 66.82 เหรียญ/บาร์เรล หรือคิดเป็น +0.6% ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลง 27 เซนต์ คิดเป็น -0.4% ที่ระดับ 76.17 เหรียญ/บาร์เรล