· ดัชนีดาวโจนส์ปิดลง 608.01 จุด คิดเป็น -2.41% ที่ 24,583.42 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิด -3.09% ที่ระดับ 2,656.1 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -4.43% ที่ระดับ 7,108.40 จุด
ดัชนี VIX ซึ่งเป็นมาตรวัดความผันผวนของตลาดปรับตัวขึ้นอีก 4.52 จุด ปิดที่ 25.23 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 12 ก.พ. ท่ามกลางดัชนี S&P500 ที่ร่วงลงต่อเนื่อง 6 วันทำการ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงอีกครั้งเมื่อวานนี้ และยิ่งตอกย้ำมุมมองของตลาดเกี่ยวกับการที่ 3 หุ้นหลักนั้นเข้าสู่ภาวะปรับฐาน ท่ามกลางรายงานผลประกอบการของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตชิพที่ออกมาน่าผิดหวังเกินคาด ประกอบกับยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯที่อ่อนแอ โดยปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 2 ปีในเดือนก.ย. ที่จุดประกายความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการขยายตัวของผลประกอบการ
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงหลังจากที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงระดับรายวันมากที่สุด ท่ามกลางการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ร่วงลงด้วยอัตรามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 ส่งให้ผลกำไรตลอดปีสูญหายไปเกือบทั้งหมด ประกอบกับเช้านี้เปิดร่วงลงต่อตามหุ้นสหรัฐฯ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -3.65% ขณะที่ดัชนี Topix ปิด -3% ทางด้านหุ้น Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -2.46% ท่ามกลางหุ้นบริษัท Sumsung Eletronics และ SK Hynix ที่ร่วงลงกว่า 3%
หุ้น ASX200 เปิด -2.09% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงไป -2.13% และการเงิน -2.11% โดยการร่วงลงของหุ้นการเงินในตลาดออสเตรเลียมาจากหุ้นธนาคาร ANZ ที่เปิด -1.89%, Commonwealth Bank -1.84%, Westpac -1.98% และNational Australia Bank เปิด -1.95%
· นักบริหารเงิน ประเมินว่าเงินบาทวันนี้ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า โดยคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-33.05 บาท/ดอลลาร์
Thai
Eng