• ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.1% บริเวณ 96.446 จุด เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ ที่ปรับแข็งค่าขึ้นได้หลังรายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาน้อยกว่าที่คาดการณ์ขณะที่ความเชื่อมั่นในตลาดโลกยังคงอ่อนแอ
สำหรับภาพรวมรายเดือน ดัชนีดอลลาร์สามารถปรับแข็งค่าขึ้นมาได้ 1.4%
ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.1% บริเวณ 1.1395 ดอลลาร์/ยูโร หลังมีรายงานข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลของนางอังเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนี ได้กล่าวข่มขู่จะแยกตัวออกจากพรรคภายใน 1 ปีข้างหน้า หากความเชื่อมั่นในพรรคร่วมรัฐบาลยังคงสั่นคลอน
ด้านค่าเงินเยนค่อนข่างทรงตัวที่บริเวณ 111.90 เยน/ดอลลาร์
• นักวิเคราะห์จาก Mizuho Securities ระบุว่า ความเคลื่อนของตลาดหุ้นทั่วโลก จะเป็นปัจจัยที่ตลาดค่าเงินส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในช่วงนี้
• นักวิเคราะห์จาก Danske Bank ระบุว่า วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงาในตารางข้อมูลเศรษฐกิจ สิ่งที่ต้องจับตา ได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.90% ซึ่งเป็นตัวเลขที่จะบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค.นี้
• รายงานจาก Reuters ระบุว่า บีโอเจมีแนวโน้มที่จะพิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบายการเข้าซื้อพันธบัตร เพื่อให้ระดับหนี้สินของภาครัฐบาลสามารถสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานของตลาดได้ดีกว่าเดิม
โดยแนวคิดของบีโอเจครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเข้าซื้อพันธบัตรของบีโอเจ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันตลาด ขณะที่รายงานเพิ่มเติมระบุว่า บีโอเจอาจจะดำเนินการดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผันผวนกับตลาด
• นักวิเคราะห์ชี้ ความขัดแย้งเกี่ยวกับการประกาศเอกราชของฮ่องกงออกจากประเทศจีน อาจเป็นปัจจัยกดดันให้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯเลวร้ายลงได้
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมแห่งประเทศจีนได้กล่าวข่มขู่ไต้หวันอีกครั้ง หลังเรือรบของสหรัฐฯได้เคลื่อนตัวผ่านช่องแคบในทะเลไต้หวันเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ เนื่องจากเปรียบเสมือนเป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯให้การสนับสนุนการประกาศเอกราชของไต้หวัน ซึ่งทำให้รัฐบาลจีนไม่พึงพอใจอย่างมาก
• ธนาคาร HSBC ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดในยุโรป ระบุว่า กำไรในไตรมาสที่ 3 ของปี เพิ่มขึ้น 28% จากระดับ 5.922 พันล้านเหรียญ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
สำหรับปัจจัยที่ทำให้กำไรก่อนหักภาษีปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์นั้น มาจากการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย และการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจเงินกู้
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางการระมัดระวังดารลงทุนเนื่องจากความผันผวนในตลาดการเงินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และการปรับแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงช่วยเน้นย้ำถึงความกังวลว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชีย
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.4% ที่ระดับ 67.31 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ลกลง 0.5% ที่บริเวณ 77.23 เหรียญ/บาร์เรล