• ดัชนีดาวโจนส์ปิดลง 245.39 จุด คิดเป็น -0.99% ที่ระดับ 24,442.92 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.66% ที่ระดับ 2,641.25 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -1.63% ที่ระดับ 7,050.29 จุด
หุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงท่ามกลางความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาด โดยการปิดของดัชนี S&P500 ยังคงตอกย้ำของภาวการณ์ปรับฐานครั้งที่ 2 ของปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯและจีนที่มีความตึงเครียด ประกอบกับการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ต โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีใน S&P500 ปรับตัวลงไปกว่า 1.8%
ทั้งนี้ ดัชนี S&P500 ปรับตัวลงมากว่า 10% นับตั้งแต่ 20 ก.ย. ที่ขึ้นไปปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทางด้านดัชนีดาวโจนส์ปรับลงกว่า 10% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อ 3 ต.ค.
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลงเช้านี้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.36% หลังจากที่ดัชนี Topix เปิดลง ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.1% ในเช้านี้
• ด้านตลาดหุ้นจีนวันนี้คาดว่าน่าจะเปิดฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากที่เมื่อวานนี้ปรับตัวลง ขณะที่ภาพรวมเดือนนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ปรับตัวลงไปแล้วเกือบ 9.9% ขณะที่ดัชนีเสิ่นเจิ้นปรับลงไปกว่า 12.2%
• นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 33.10-33.25 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทผันผวนในทิศทางอ่อนค่ามากกว่าสกุลอื่น อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เงินบาทค่อนข้างมีเสถียรภาพ เมื่อวานนี้เงินบาทอ่อนค่าขึ้นไปทำ New high ในรอบสองเดือนกว่าๆ นับตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.61 ที่ระดับ 33.23 บาท/ดอลลาร์
• ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลังของไทย เปิดเผยว่า สศค.ยังคงประมาณการตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 61 ไว้ที่ระดับ 4.5% เท่าเดิม ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวที่ระดับ 3.9%หลังจากที่เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปีขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 4.8% เนื่องจากการใช้จ่ายและบริโภคภาคเอกชนที่เร่งตัวขึ้น สอดคล้องกับการจ้างงานและรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้น จากผลผลิตที่สูงขึ้นด้วย พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์การส่งออกของไทยในปีนี้เหลือ 8.0% จากคาดการณ์เดิมอยู่ที่ 9.7% เนื่องจากปีนี้มีเหตุการณ์ผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อตลาดโลก โดยเฉพาะปัญหาสงครามการค้าจาก 2 ประเทศอย่างสหรัฐฯและจีน