MTS Help Center

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเคลื่อนไหวในแดนลบช่วงเช้า ก่อนปิดปรับตัวสูงขึ้น 0.2%

• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางนักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้นวัฏจักรที่มีราคาถูกและบริษัทต่างๆปรับเพิ่มคาดการณ์รายปี ขณะที่เกิดความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนส่งผลให้หุ้นสหรัฐฯร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 1.5% ที่ระดับ 21,457.29 จุด ซึ่งภาพรวมรายวันเป็นการปรับตัวสูงที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่เปิดปรับตัวลดลงตามการร่วงลงของหุ้นสหรัฐฯจากลดลงอย่างหนักของหุ้นเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ต

• ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ระบุว่า จะสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนทำการซื้อคืนหุ้น ทำธุรกรรมควบรวมกิจการและซื้อกิจการ รวมทั้งปรับปรุงสภาพคล่องในตลาด ลดการแทรกแซงการซื้อขายในตลาดโดยไม่จำเป็น แม้ว่าจะมีรายงานว่าสหรัฐฯมีการเตรียมประกาศแผนภาษีสินค้านำเข้าจีนทั้งหมดเร็วกว่าที่คาด หากว่าการเจรจาในเดือนหน้าระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีนล้มเหลวในการผ่อนคลาย Trade War

ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.72% ที่ระดับ 2,560.38 จุด

• อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างไทยกับประเทศอาเซียนในฐานะกลุ่มประเทศที่มีการจัดทำเขตการค้าเสรี หรือ FTA ฉบับแรกของไทย ตั้งแต่ปี 36 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 9 เดือนแรกของปี 61 (มกราคม–กันยายน) มีมูลค่าการค้ารวมระหว่างกันสูงถึง 85,127.3 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 14.7% โดยแยกออกเป็นการส่งออก 51,036.9 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 16.6% และนำเข้า 34,090.4 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 12.1% ทั้งนี้อาเซียนยังครองตำแหน่งเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ด้วยสัดส่วนการค้ามากถึง 22.6% รองลงมาเป็นประเทศจีนและญี่ปุ่น

• หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า TISCO ESU อยู่ระหว่างปรับประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 61 จากปัจจุบันที่ประเมินว่าในไตรมาส 4 ของปี 2561 จีดีพีไทยจะเติบโตในระดับ 4.3% และทั้งปี 61 จะเติบโต 4.4% ขณะที่ปี 2562 คาดว่าจีดีพีไทยจะเติบโต 4.2%

แม้ว่าในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 61 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีที่ระดับ 4.9% และ 4.6% ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนภาคเอกชน ประกอบกับการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

• รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ระบุว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือน ก.ย.61 อยู่ที่ระดับ 111.20 ปรับลดลง 2.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดัชนี MPI ในไตรมาส 3/61 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.0% ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรก ยังคงขยายตัว 2.9%

ขณะที่ดัชนี MPI เดือน ก.ย.61 ลดลงครั้งแรกในรอบ 16 เดือน เนื่องจากการปรับตัวลดลงของการส่งออกของรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครื่องประดับ, ผลิตภัณฑ์ยาง, แผงวงจรไฟฟ้า, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบโดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำแท่ง) ลดลง 1.4% ขณะที่การส่งออก 9 เดือนแรกปี 61 ขยายตัว 9.8%