• ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯและให้ความสนใจไปยังการประกาศผลประกอบการบริษัท
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 1.8% ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 20 เดือนในวันนี้ ท่ามกลางแรงสนับสนุนจากตลาดจีนเป็นหลัก แต่ภาพรวมความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนยังคงเปราะบางและจะเห็นได้ถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่เคลื่อนย้ายออกจากตลาดหุ้นในเดือนต.ค.นี้
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อตลาดมาจากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่สร้างความกังวลว่าอาจบั่นทอนภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก รวมทั้งประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและผลประกอบการภาคบริษัทฯ ที่ดูจะสร้างความผันผวนให้แก่ตลาดการเงินในช่วง 2-3 สัปดาห์มานี้
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดญี่ปุ่นปิด +1% โดยได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ภาพรวมในเดือนนี้ดัชนี MSCI ดังกล่าวร่วงลงมาประมาณ 11% ซึ่งถือเป็นระดับการร่วงลงที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ก.ย. ปี 2011 และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก.พ.ปี 2017 จากความกังวลเรื่องผลประกอบการบริษัทที่กดดันต่อหุ้นสหรัฐฯ
• ดัชนี HSI ของฮ่องกงปิด +1% ตามมาด้วยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตที่ปิด +1.2% หลังข้อมูลกิจกรรมภาคการผลิตออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ ในขณะที่ทางการจีนจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ด้านตลาดหุ้นออสเตรเลียปิด +0.4% ขณะที่ Kospi เกาหลีใต้ปิด +0.7% และดัชนีนิกเกอิ ปิด +2.2% หลังบีโอเจยังจะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินฉบับพิเศษต่อไป
• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นฟื้นตัวทำระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มบลูชิพเพิ่มขึ้นตามหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่รายได้ครึ่งปีแรกจาก บริษัทต่างๆ เช่น Sony และ Honda ช่วยหนุนความเชื่อมั่นเหล่านักลงทุุน
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 2.2% ที่ระดับ 21,920.46 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ คาดว่า นักลงทุนได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่แข็งแกร่งของข้อมูลภาคการผลิตญี่ปุ่น จึงช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
• กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ชี้โอกาสผู้ผลิตสินค้าไทยที่มีศักยภาพ เร่งพัฒนาตนเองให้เป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้ประกอบการสหรัฐที่กำลังมองหาแหล่งผลิตใหม่แทนตลาดจีน หลังสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 10% และเตรียมปรับเพิ่มเป็น 25% ในปีหน้า
• บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/61 มีกำไรสุทธิ 104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 65.22 ล้านบาท เป็นผลจากการลดลงของค่าเสื่อมราคาตามการบันทึกด้อยค่าของสินทรัพย์ดาวเทียมในช่วงไตรมาส 4/60 และการลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ขณะที่มีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 1,504 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากการเพิ่มขึ้นของการใช้งานตามสัญญาของลูกค้าต่างประเทศ
• บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า ได้ตกลงและลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นและจองซื้อหุ้น Revolve Group Limited (RGL) ประเทศสหราชอาณาจักร ในสัดส่วนร้อยละ 49 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 มูลค่ารวม 6.4 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 281 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 43.885 บาทต่อปอนด์สเตอร์ลิง) ซึ่งราคาซื้อขายอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ขึ้นกับปัจจัยบางประการ
• ครม.เคาะ 4 โครงการ EEC ทั้ง ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา - สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ท่าเรือแหลมฉบัง - ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 วงเงินลงทุนรวม 6.5 แสนลบ. คาดได้ผู้ลงทุนภายในก .พ. 62