• ค่าเงินปอนด์อังกฤษแข็งค่า 0.9% ที่บริเวณ 1.2881 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังรายงานจากสำนักข่าว Times ระบุว่าอังกฤษสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นทางด้านการเงินร่วมกับสหภาพยุโรปได้สำเร็จ
ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าเกือบ 0.5% ที่บริเวณ 1.1360 ดอลลาร์/ยูโร โดยได้รับแรงหนุนจากการเจรจาของอังกฤษและสหภาพยุโรปเช่นเดียวกัน
ด้านดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.1% บริเวณ 96.70 จุด หลังทดสอบไม่ผ่านระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน ที่ปรับขึ้นได้เมื่อคืนนี้ หลังรายงานการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาดที่ 227,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ปีนี้
• วิเคราะห์ค่าเงินยูโรทางเทคนิค : หากจะกลับตัวเป็นขาขึ้น ต้องผ่านแนวต้านสำคัญทางเทคนิคที่ $1.1397
ปัจจุบันค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์กำลังฟื้นตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ $1.1341 หลังจากลงไปทำระดับต่ำสุดเมื่อวานนี้ที่ $1.1302
โดยนักวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่า มีสัญญาณ Divergence เกิดขึ้นในเส้น Stochastic สำหรับกราฟราย 1 ช.ม. จึงคาดการณ์ว่าค่าเงินจะสามารถฟื้นตัวไปได้ถึงระดับ $1.1397 ซึ่งเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเทรนขาลงที่เชื่อมต่อจากระดับสูงสุดวันที่ 16 ต.ค. และระดับสูงสุดวันที่ 22 ต.ค.
ทั้งนี้ หากค่าเงินสามารถยืนเหนือระดับ $1.1397 ได้ จะทำให้ Bottom ของค่าเงินปรับมาอยู่ที่ระดับ $1.1302 และค่าเงินอาจมีแรงหนุนเข้ามาให้ปรับขึ้นต่อไปได้ถึงบริเวณ $1.1433
อย่างไรก็ตาม หากค่าเงินปิดตลาดวันนี้ต่ำกว่าระดับ $1.13 จะทำให้ทิศทางขาลงดำเนินต่อไป และมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
• Caixin เผยดัชนีภาคการผลิตของเอกชนเดือนตุลาคมมีการขยายตัวได้อยู่ที่ระดับ 50.1 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัวที่ 49.9 จุด จาก 50 จุดในเดือนก.ย. ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
• สมาชิกวุฒิสภาของพรรครีพับลิกันได้ยื่นเรื่องให้ทีมบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระงับการเจรจาการ
ส่งมอบเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของสหรัฐฯให้แก่ซาอุดิอาระเบีย หลังจากมีข่าวการสังหารนักข่าว นายจามาล คาช็อกกิ ที่สถานกงสุลของซาอุดิอาระเบียในตุรกี ซึ่งทำให้เกิดคำถามเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของผู้นำของซาอุดีอาระเบีย
• รองผู้ว่าธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ยืนยันว่าทางธนาคารกลางจะเร่งออกมาตรการเข้ามาเกื้อกุลเศรษฐกิจในพื้นที่ชนบท ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยธุรกิจด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมระดับล่าง เนื่องจากบรรดาธุรกิจเหล่านี้กำลังได้รับผลกระทบจากอัตราการผลิตที่ชะลอตัว รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในภาพรวมทั้งหมด จึงจำเป็นต้องได้รับการเข้าช่วยเหลือทางด้านนโยบายการเงิน
• รองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งประเทศจีน ระบุว่า ทางรัฐบาลกำลังเขียนร่างนโยบายปรับลดภาษีเพิ่มเติมให้กับประชาชน เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนในประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่านโยบายดังกล่าวจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับสหภาพยุโรป เกี่ยวกับการอนุญาตให้สถาบันทางการเงินของอังกฤษสามารถเข้าถึงตลาดยุโรปได้ภายหลังจากที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ รายงานจากรัฐบาลอังกฤษได้ระบุว่า อังกฤษและสหภาพยุโรปสามารถบรรลุข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการบริการและการแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้งหมดได้สำเร็จ โดยข้อตกลงด้านการบริการจะเป็นการรักษาสิทธิในการเข้าถึงตลาดยุโรปให้กับผู้ประกอบการในอังกฤษ หากนโยบายทางการของอังกฤษยังสอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพฯ
• กิจกรรมภาคการผลิตของญี่ปุ่นประจำเดือนต.ค ขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่กลับมาขยายตัว ท่ามกลางผลสำรวจทางธุรกิจ แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลงจากประเด็นความขัดแย้งทางการค้าทั่วโลก
• รายงานจาก Reuters ระบุว่า นโยบายระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ ที่กำหนดให้เขตหมู่บ้านปันจุมมอนหรือชายแดนระหว่างทั้งสองชาติเกาหลี เป็นเขตห้ามบินและห้ามจัดการซ้อมรบใดๆในบริเวณใกล้เคียง มีผลบังคับใช้ในวันนี้ ท่ามกลางสัญญาณที่ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองชาติเกาหลีมีท่าทีดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• แบบสำรวจโดย Reuters คาดการณ์ว่า ทางการจีนจะพยายามป้องกันไม่ให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าหลุดระดับ 7 หยวน/ดอลลาร์ อย่างสุดความสามารถ
อย่างไรก็ตาม แบบสำรวจยังคาดการณ์ว่า ค่าเงินจะอ่อนค่าหลุดระดับ 7 หยวน/ดอลลาร์ ภายในปีนี้ ขณะที่ในปัจจุบันค่าเงินกำลังเคลื่อนไหวใกล้ระดับสำคัญดังกล่าว
• นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานเฟด แสดงความคิดเห็นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC โดยระบุว่า ถ้าเธอมีไม้กายสิทธ์ เธอจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ลดการใช้จ่ายสำหรับกองทุนบำเหน็จบำนาญลงแทน โดยเธอมองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ลงในอนาคต เนื่องจากประชาชนในยุค Baby Boomers ที่กำลังเข้าสู่วัยชะลาจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่โปรแกรมประกันสุขภาพจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางสัญญาณภาวะอุปทานและความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปริมาณความต้องการอาจลดลงเนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลง 37 เซนต์ ที่ระดับ 74.67 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 29 เซนต์ ที่ระดับ 65.02 เหรียญ/บาร์เรล
ภาพรวมรายเดือนน้ำมันดิบทั้งสองชนิดปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. ปี 2016 โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 8.8% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 10.9% หลังจาก EIA แสดงให้เดห็นว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6