รายงานผลสำรวจส่วนใหญ่จาก Kitco ชี้ว่า กลุ่มนักลงทุนกว่า 53% และผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำกว่า 57% มองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ
นักวิเคราะห์อาวุโสฝ่ายการตลาดจาก Price Futures Group มองว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่สภาวะ Risk-On กลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้งจากความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯและจีนจะหาข้อตกลงทางการค้าได้ ขณะที่ดอลลาร์ยังคงอยู่ในระดับสูง เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. อย่างน้อย 70%
นักวิเคราะห์จาก Heritage West Financial กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้น ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่เผชิญแรงเทขายเข้ามาจากภาวะการเมืองที่เกิดขึ้น จึงทำให้เราเห็นราคาทองคำมีการขยับขึ้นตลอดเดือนพ.ย.
ผู้อำนวยการฝ่ายการป้องกันความเสี่ยงจาก Walsh Trading แสดงความคิดเห็นว่า ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เทรดเดอร์หลายคนคิดเห็นว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาน่าจะเป็นลบ โดยมองว่า พรรคเดโมแครตจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสมากกว่าพรรครีพับลิกันและนั่นอาจช่วยหนุนทิศทางราคาทองคำได้
นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ทองคำมีแนวโน้มจะปรับตัวลงต่อ เมื่อราคาในตลาดหุ้นดูมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่เฟดก็ดูมีแนวโน้มจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
ฝ่ายบริหารจาก Adrian Day Asset Management กล่าวว่า ณ ขณะนี้ต้องจับตาไปยังผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯเป็นสำคัญ โดยหากพรรครีพับลิกันได้ครองเสียงข้างมากในสภา ก็มีโอกาสเห็นดอลลาร์แข็งและเป็นผลลบต่อราคาทองคำระยะสั้นๆ
ผู้อำนวยการฝ่ายการซื้อขายจาก Kitco Metals กล่าวว่า ระยะสั้นทิศทางทองคำ ระยะสั้นการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯจะเป็นตัวชี้วัดทิศทางทองคำ โดยหากที่พรรครีพับลิกันได้คะแนนเสียงข้างมาก ก็ดูจะส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงได้ แต่หากพรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมาก เราก็อาจะเห็นทองคำปรับตัวขึ้นได้
ประธานจาก Phoenix Futures and Options LLC กล่าวว่า ราคาทองคำดูจะเคลื่อนไหวได้ในกรอบระหว่าง 1,213 – 1,246 เหรียญ และเขาคิดเห็นว่าทองคำจะไม่สามารถกลับเป็นขาขึ้นได้จนกว่าจะ Break เส้นค่าเฉลี่ยFibonacci 38% ที่ระดับ 1,253 เหรียญ
ที่มา: Kitco