· ตลาดหุ้นสหรัฐฯอ่อนตัวลงหลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันช่วง 3 วันทำการ ท่ามกลางการร่วงลงของหุ้น Apple ที่ปรับตัวลงจากคาดการณ์ผลประกอบการณ์ที่น่าผิดหวัง และเจ้าหน้าที่จากทางทำเนียบขาวที่ปรับลดมุมมองการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลง 109.91 จุด คิดเป็น -0.43% ที่ระดับ 25,270.83 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดลดลง 17.31 จุด คิดเป็น -0.63% ที่ระดับ 2,723.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -1.04% ที่ระดับ 7,356.99 จุด
ภาพรวมรายสัปดาห์ของดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างปิดปรับขึ้นได้มากที่สุดนับตั้งแต่ พ.ค. ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ภาพรายเดือนปิดปรับขึ้นได้มากที่สุดนับตั้งแต่ มิ.ย. โดยจะเห็นได้ว่าในสัปดาห์ที่แล้วดัชนี S&P 500และดาวโจนส์ขยับขึ้นได้ 2.4% และ Nasdaq ปิดขึ้น 2.7%
· ตลาดเอเชียแปซิฟิกปรับตัวลงในวันจันทร์นี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่มีท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก และตลาดรอคอยถ้อยแถลงจาก นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในวันนี้ในงานChina International Import Expo เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจจีน ซึ่งตลาดจะรอดูท่าทีเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนในครั้งนี้ด้วย
และการกล่าวถ้อยแถลงของประธานาธิบดีจีนจะเกิดขึ้นในวันนี้ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้
ดัชนีนิกเกอิเปิด -1.23% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด -1.02% และดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.82% ด้านดัชนี ASX 200 เปิด -0.48% ท่ามกลางหุ้นส่วนใหญ่ที่ปรับตัวลง
· ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ไว้ระหว่าง 32.60 - 33.00 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ (6 พ.ย.) ผลการประชุม FOMC (7-8 พ.ย.) รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนี PMI ภาคบริการ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนข้อมูลการส่งออก-นำเข้า อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของจีน