• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561

    6 พฤศจิกายน 2561 | SET News

• หากพรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ดูจะฟื้นตัวได้จากความหวังที่อาจเห็นการปรับลดภาษีมากขึ้น โดยนายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการกล่าวว่า ทีมบริหารของเขามีแผนหาทางแก้ไขการปรับลดภาษี 10% สำหรับครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลาง

หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจาก Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities กล่าวว่า ทุกคนยังคงจำเหตุการณ์ที่หุ้นฟื้นตัวได้เมื่อทรัมป์ได้รับเลือกมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในช่วงต้นจึงเห็นตลาดคาดหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง

แต่การปรับลดภาษีอาจก่อให้เกิดยอดขาดดุลงบประมาณครั้งใหญ่ และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ยืนเหนือระดับสูงสุดที่่ทำไว้เมื่อเดือนต.ค.ได้ และจะเห็นว่าในเดือนที่แล้วตลาดหุ้นมีการปรับฐานจากพันธบัตรสหรัฐฯพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น ดังนั้นการฟื้นตัวของหุ้นที่จะตามมาจึงไม่มีแนวโน้มจะเป็นไปอย่างยั่งยืน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ทรงตัวที่ 3.201% ขณะที่ศุกร์ที่แล้วรายงานจ้างงานสหรัฐฯผลักดันให้อัตราผลตอบแทนทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 7 ปีครึ่งที่ทำไว้เมื่อ 9 ต.ค. บริเวณ3.261%

• นักเศรษฐศาสตร์จาก HSBC ระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวหลังร่วงลงเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีอาจจะเป็นการฟื้นตัวอย่างจำกัด เนื่องจากปัจจุบันตลาดถูกกดันจากอัตราเงินเฟ้อและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการปรับลดภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

นักลงทุนหลายท่าน ต่างคาดว่า นายทรัมป์ยังคงเดินหน้านโยบายทางการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยไม่สนใจผลการเลือกตั้ง ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

• ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ชะลอความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยให้ความสนใจไปยังประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.12% ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เปิดปรับตัวสูงขึ้น

• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ท่ามกลางความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนที่อ่อนแอก่อนหน้าการเลือกตั้งกลางวาระสหรัฐฯ ซึ่งอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 0.1% ถูกกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนและหุ้นเทคโนโลยี

• ตลาดหุ้นญี่ปุ่นรีบาวด์ โดยได้รับแรงหุนจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลาง

ซัพพลายเออร์ของ Apple ลดลงจากรายงานที่ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีได้ยกเลิกแผนการที่จะเพิ่มการผลิต iPhone XR

ขณะที่ผลประกอบการบริษัทโตโยต้าเพิ่มขึ้น 2.1%

หลังจากที่บริษัทได้ปรับประมาณการผลกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีขึ้น 4.3% สู่ระดับ 2.4 ล้านล้านเยนจากระดับ 2.3 ล้านล้านเยนก่อนหน้านี้และคาดว่าจะซื้อหุ้นของตัวเองกลับมาเป็นมูลค่า 2.5 แสนล้านเยน

ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 1.1% ที่ะรดับ 22,147.75 จุด

• ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวลดลง แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อหนุนการร่วงลงของตลาด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากคณะกรรมการเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขณะที่เหล่านักลงทุนจับตาไปยังผลกระทบนโยบายดังกล่าว

ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.2% ที่ระดับ 2,659.36 จุด

• สภาผู้ส่งออก ประเมินว่า การส่งออกของไทยในปี 62 จะขยายตัวได้ที่ระดับ 5% จากในปี 61 ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตในระดับ 8% หลังการส่งออกในเดือนก.ย.ปี 61 ลดลงที่ระดับ -5.2%

โดยคาดการณ์การส่งออกของ .ในปี 62 ที่ต่ำกว่าระดับที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ที่ 8% เนื่องจากปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งยังต้องติดตามเฝ้าระวังต่อไปว่าจะมีมาตรการกีดกันทางการค้าอื่น ๆ ออกมาอีกหรือไม่

• กกร.ประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 61 จะชะลอลงจากช่วงครึ่งปีแรก จากปัจจัยหลายออย่าง ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว การเบิกจ่ายของภาครัฐ รวมทั้งผลผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับตัวลดลงของการส่งออกในเดือนก.ย.61 จะเป็นเพียงประเด็นระยะสั้น ประกอบกับภาครัฐน่าจะมีการเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีแรงหนุนที่ดีขึ้นได้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com