

• ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากที่ไม่สามารถฟื้นตัวจากการปรับร่วงลงอย่างหนักตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาได้ ประกอบกับการร่วงลงอย่างหนักของราคาน้ำมันกว่า 7%
ทั้งนี้ในช่วงต้นตลาดดัชนีดาวโจนส์สามารถปรับสูงขึ้นได้กว่า 100 จุด หรือเกือบ 1% หลังนายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแห่งสหรัฐฯ ยืนยันว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะเกิดขึ้นอีกรอบ ก่อนที่ดัชนีจะกลับลงมาปิด -100.69 จุด ที่ระดับ 25,286.49 จุด
ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับสูงขึ้นไปได้ 1.6% ก่อนที่จะย่อตัวกลับลงมาปิดตลาดค่อนข้างทรงตัวที่ระดับ 7,200.87 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 สามารถปรับขึ้นไปได้กว่า 100 จุด ก่อนที่จะกลับลงมาปิด -0.2% ที่ระดับ 2,722.18 จุด โดยเป็นการปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4
.png)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดผสมผสาน หลังการผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯในคืนที่ผ่านมา โดยดัชนี Nikkei เปิด +0.51% ส่วนดัชนี Topix เปิด +0.45% ในขณะที่ดัชนีKospi เปิด -0.3%
ทั้งนี้ ตลาดเอเชียจะจับตาไปยังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจีนในช่วงเช้าวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่งาสหรัฐฯ-จีน
• นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 32.95-33.10 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญในประเทศ จะอยู่ที่การประชุมกนง. ช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งต้องจับตาดูเนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลที่ออกมา รวมถึงผลคะแนนการลงมติจะมีเสียงแตกหรือไม่ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนนี้
.JPG)
• หลายสำนักวิจัยทางเศรษฐกิจ คาดว่า กนง. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยกดดันจากเงินเฟ้อ รอสถานการณ์เศรษฐกิจเดือน ต.ค.61 ทั้งด้านส่งออก-ท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี แนะนำให้จับตา กนง.จะเสียงแตกให้ปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 2:5 เสียง เป็น 3:4 เสียงหรือไม่ พร้อมชี้ กนง.รอบ ธ.ค.มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย
