ขณะเดียวกัน แบบสำรวจบรรดานักลงทุนในตลาดทั้งหมด 502 คน พบว่ามีนักลงทุนจำนวน 311 คน หรือ 60% มองว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่อีก 123 คน หรือ 26% มองวาราคาจะปรับตัวลดลง และอีก 68 คน หรือ 14% มองว่าทองคำจะเคลื่อนไหว Sideways
Afshin Nabavi จากสถาบัน MKS มองเป้าหมายขาขึ้นของราคาทองคำสัปดาห์นี้ไว้ที่บริเวณ 1,250 เหรียญ
ขณะที่ Sean Lusk ผู้บริหารจาก Walsh Trading มองว่าราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นได้จากการทำ Short-covering และการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร โดยเฉพาะในขณะที่ตลาดหุ้นยังคงเผชิญแรงกดดันและความผันผวนจากความตึงเครียดทางการเมืองในยุโรปอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Sean ยังได้ประเมินว่า ตลาดดูจะมีมุมมองว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะสามารถคลี่คลายลงได้ในท้ายที่สุด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ราคาทองคำก็จะได้รับแรงหนุนขึ้นมาได้อีก เพราะว่าก่อนหน้านี้บรรดานักลงทุนได้มีการเข้าซื้อค่าเงินดอลลาร์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากกรณี Trade war
ทางด้าน Adrian Day ประธานสถาบัน Adrian Day Asset Management ก็มองราคาทองคำเป็นขาขึ้นเช่นกัน โดยระบุว่า ความขัดแย้งภายในรัฐสภาสหรัฐฯ หลังเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาล่างได้ อาจนำไปสู่การสอบสวนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึง ความตึงเครียดจากการเจรจาระหว่างอียูและอังกฤษ อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำได้
อย่างไรก็ตาม Mark Leibovit จาก VR Gold Letter กลับมองว่า ราคาทองคำมีโอกาสที่จะร่วงหลุดระดับ 1,172 เหรียญก่อนสิ้นปีนี้
ขณะที่ Bob Haberkorn จาก RJO Futures คาดการณ์ว่า บรรดาเทรดเดอร์น่าจะทำการเทขายทองคำในทุกๆครั้งที่ราคาขยับขึ้น จนกว่าทางคณะกรรมการเฟดจะมีความเห็นว่าควรเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโนบายทางการเงินให้เป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบคุมเข้มต่อไป ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้