· ราคาทองคำปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะที่ภาพรวมดูราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และมีการซื้อขายที่เบาบางก่อนเข้าสู่เทศกาล Thanksgiving Day
· ราคาทองคำตลาดโลกขยับขึ้น 0.25% ที่ระดับ 1,220.95 เหรียญ หลังจากที่ช่วงต้นตลาดไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 8 พ.ย. ที่ 1,225.88 เหรียญ ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดลง 4.1 เหรียญ ที่ระดับ 1,221.2 เหรียญ
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันถือครองทองคำรวมที่ระดับ 760.86 ตัน
· ประธานฝ่ายบริหารจาก Sharps Pixley กล่าว ราคาทองคำดูจะเคลื่อนไหวเป็น Sideways และดูจะยังไม่ขยับไปไกลมากในเวลานี้ และโดยส่วนมากทองคำมักจะตอบรับกับปัจจัยภายนอกมากกว่าราคาพลังงานและความแข็งแรงในตัวเอง และคาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,215 – 1,240 เหรียญ จะเป็นกรอบของราคาทองคำจนถึงสิ้นปีนี้
· ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดกล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดุจะอ่อนตัวลง และอาจส่งผลต่อแนวทางการขึ้นดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี เฟดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วจำนวน 3 ครั้งในปีนี้ และได้สร้างแรงกดดันต่อทองคำมาโดยตลอด ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ของปีนี้ถูกคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า และมีโอกาสเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้อีกจำนวน 3 ครั้งในปีหน้า ขณะเดียวกันผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จาก Reutersระบุว่า มีความเสี่ยงที่อาจจะเห็นเฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
· หัวหน้านักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มจะเปลี่ยนท่าทีมาเป็นแนวทางการผ่อนคลายการเงิน จึงบ่งชี้ว่า อาจเห็นความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยงลดลงได้
· ภาวะขาลงของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้กระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินไหลเข้าสู่ทองคำได้บางส่วน เนื่องจากนักลงทุนมีการเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจหรือทางการเมืองมีความไม่แน่นอน แต่โดยภาพรวม ณ ขณะนี้ นักลงทุนดูจะนิยมถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างค่าเงินดอลลาร์มากกว่า
· เทรดเดอร์จาก MKS PAMP กล่าวว่า ภาวะตึงเครียดทางการค้าก็ยังดูทวีความรุนแรงอยู่ในส่วนของสหรัฐฯและจีน จึงทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับภาวะกดดัน ขณะเดียวกันการเจรจา Brexit ที่ยังไม่แน่นอนก็ได้สร้างความผันผวนไปทั่วตลาดและทำให้ทองคำยังอยู่ในสภาวะ Safe-Haven
· นักลงทุนจับตาไปยังการประชุม G20 ที่ประเทศอาร์เจนตินาในสัปดาห์หน้า โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดหวังว่าจะได้พบกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้า
· ขณะที่บรรดาผู้นำส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวกต่อการหาแนวทางการแก้ปัญหาของทั้งสองฝ่ายก่อนจะเข้าสู่การประชุมดังกล่าว แม้ว่าเจ้าห้าที่ระดับสูงของจีนจะมีการกล่าวตำหนิสหรัฐฯในการประชุม APEC ที่ยังคงล้มเหลวในการหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขการใช้นโยบายกีดกันทางการค้