· ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 551.8 จุด ที่ระดับ 24,465.64 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -1.8% ที่ระดับ 2,641.89 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -1.7%ที่ระดับ 6,908.82 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯเคลื่อนไหวแดนลบ โดยได้รับผลกระทบจากหุ้นกลุ่มผู้ค้าปลีกและเทคโนโลยีที่ปรับตัวลงอย่างหนัก โดยบริษัท Target ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ร่วงลง -10.5% หลังรายงานผลประกอบการออกมาแย่กว่าที่คาด ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญในตลาดมองว่า ตลาดดูจะตอบรับเชิงลบนับตั้งแต่ที่เกิดความกังวลในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยที่นักลงทุนมีความกังวลต่อภาวการณ์ชะลอตัวทางเศรษฐกิจและส่งผลให้ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวเชิงลบ
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มยอดนิยมหลักอย่างหมวด FAANG หรือ Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google ที่ครอบคลุมถึง Alphabet ก็ปิดแดนลบ โดยจะเห็นได้จากการที่หุ้นบริษัทกลุ่มนี้ปรัยตัวลงแล้วกว่า 20% จากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงจากแรงเทขายเข้ามาของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนี Stoxx600 ปิดลง -1.09% หลังหุ้นส่วนใหญ่เคลื่อนตัวแดนลบ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นภาคธนาคารที่ร่วงลงไปกว่า 2.2% จากความกังวลเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก
· หุ้นเอเชียเปิดแดนลบโดยเผชิญแรงเทขายในตลาดตามการร่วงลงของหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -1.43% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด -1.54% ทางด้านหุ้น Kospi ของเกาหลีใต้เปิดเปิด -1.31%
ทางด้านหุ้น ASX200 ของออสเตรเลียเปิด -1.18% จากหุ้นเกือบทุกภาคส่วนที่ปรับตัวลง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มการเงินที่ร่วงลงไป -0.7%
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-33.10 บาท/ดอลลาร์
· สศช. ได้รายงานอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/61 ที่ระดับ 3.3% เป็นการขยายตัวชะลอลงจาก 4.6% ในไตรมาส 2/61 แต่หากดูในรายละเอียดแล้วจพบว่าเศรษฐกิจในประเทศยังมีความเข้มแข็ง เนื่องจากทั้งการบริโภค การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนของภาครัฐและภาครัฐขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
· ธปท. กล่าวว่า ตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในไตรมาส 3/61 ที่ทางสภาพัฒน์แถลงเติบโต 3.3% นั้น ต่ำกว่าที่ธปท.คาดการณ์ไว้ โดยเป็นผลมาจากการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ