แบบสำรวจ CFO โดย CNBC ที่สอบถามความคิดเห็นของบรรดาผู้นำด้านการเงินในบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐฯ มีมุมมองว่าการปรับร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์ยังไม่จบ
โดยผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่ง ต่างมองว่าดัชนีดาวโจนส์จะปรับร่วงหลุดระดับ 23,000 จุด หรือประมาณ 2,000 จุดจากระดับปัจจุบัน ก่อนที่ดัชนีจะมีโอกาสกลับไปท้าทายระดับ 27,000 จุดอีกครั้ง และหากดัชนีปรับร่วงลงอีกประมาณ 2,000 จุด ก็จะคิดเป็น % ได้ประมาณ 8% ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ก็ได้ปรับร่วงลงมาอีก 400 จุด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มีผู้ตอบแบบสำรวจที่มีความคิดเห็นดังกล่าวคิดเป็น 51% จากทั้งหมด จึงถือเป็นความคิดเห็นส่วนใหญ่ในแบบสำรวจรายไตรมาสที่ 4/2018 ขณะที่ในไตรมาสที่ 1/2018 หรือช่วงที่ความผันผวนของตลาดเริ่มมีความรุนแรงขึ้น มีผู้ตอบแบบสำรวจ 42% คาดว่าดัชนีจะร่วงลงมาที่ระดับ 23,000 จุด ขณะที่อีก 31% มองว่าดัชนีจะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อหรืออาจ Break ระดับ 27,000 จุดได้ และต่อมาในไตรมาสที่ 3/2018 ความเชื่อมั่นของตลาดก็เริ่มเข้ากลับมา ทำให้มีผู้ตอบแบบสำรวจ 50% มองว่าดัชนีจะสามารถยืนเหนือระดับ 27,000 จุดได้
และเมื่อเทียบกับในปัจจุบัน มีเพียง 13% เท่านั้น ที่มองว่าดัชนีจะปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ก่อนที่ดัชนีจะปรับร่วงลงอีกครั้ง
ปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1
รายงานจาก Goldman Sachs เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงเกือบครึ่งหนึ่งภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 ท่ามกลางแรงหนุนจากนโยบายปรับลดภาษีที่เริ่มอ่อนกำลังลง ประกอบกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนในเดือน ม.ค. ที่เป็นสาเหตุของ Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-จีน
โดยผู้ตอบแบบสำรวจในไตรมาสที่ 4/2018 จำนวน 35% มองว่า ปัญหาทางการค้าคือปัจจัยเสี่ยงที่สุดต่อแนวโน้วในการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก