เฟดถูกคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าพวกเขาจะทำการระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราวภายในช่วงกลางปี 2019 แต่ Morgan Stanley ยังคงมองว่าหุ้นในกลุ่มการเงินของสหรัฐฯจะยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้
โดยปกติแล้ว ในภาวะที่มีอัตราดอกเบี้ยขยายตัวสูงขึ้นมักจะเป็นผลดีต่อผลประกอบการของธนาคาร เพราะพวกเขาจะมีผลกำไรที่มากขึ้นจากดอกเบี้ยของเงินกู้ แต่ผลประกอบการของภาคธนาคารในสหรัฐฯปีนี้ไม่ค่อยดีนัก แม้เฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้วถึง 3 ครั้ง และอีก 1 ครั้งที่ถูกคาดการณ์ไว้ในเดือน ธ.ค. นี้ ก็ตาม
ขณะที่ Morgan Stanley คาดการณ์ว่า เฟดจะระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในช่วงเดือน มิ.ย. ปี 2019
โดย Mike Wilson นักกลยุทธ์ตลาดหุ้นประจำ Morgan Stanley กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าตลกที่ภาคการเงินมีผลกำไรที่ไม่ค่อยนักแม้อัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ภาคการเงินจะมีผลกำไรที่ดียิ่งขึ้นในปี 2019 หลังจากที่เฟดเริ่มชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย”
“ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะว่าภาคการเงินมองว่าเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไป ซึ่งอาจทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง ดังนั้นเมื่อเฟดหยุดการขึ้นดอกเบี้ย หุ้นการเงินอาจฉวยโอกาสดังกล่าวและมีผลประกอบการที่ดีขึ้นได้ภายในปี 2019”
นอกจากนี้ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง Morgan Stanley ได้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์สำหรับหุ้นภาคการเงินไปอยู่ในระดับ "overweight" ในขณะที่ปรับลดคาดการณ์ของหุ้นสหรัฐฯในภาพรวมลงไปอยู่ในระดับ "underweight"
ซึ่งทาง Morgan Stanley ได้ยอมรับว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดที่หุ้นภาคการเงินอาจมีผลประกอบการที่ดี ท่ามกลางตลาดหุ้นในภาพรวมที่อยู่ในภาวะชะลอตัว แต่ทั้งนี้อาจเป็นเพราะหุ้นภาคการเงินถูกประเมินค่าให้อยู่ระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นภาคอื่นๆ ประกอบกับการที่ธนาคารขนาดเล็กสามารถควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่าบริษัทในหุ้นกลุ่มอื่นๆ ทำให้พวกเขาสามารถสร้างผลประกอบการที่ดูดีกว่าภาคอื่นๆได้