· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 96.78 จุด หลังถ้อยแถลงของนายโพเวลล์ที่ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยกำลังเข้าใกล้ระดับมาตรฐาร ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
ขณะที่ในคืนนี้ตลาดจะจับตารายงานการประชุมเฟดของวันที่ 7-8 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อหาสัญญาณต่อไปว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกกี่ครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาการประชุม G20 ที่จะจัดจขึ้น ณ กรุงบัวนอสไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า ในวันศุกร์และวันเสาร์นี้ ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้งผิง ประธานาธิบดีจีน จะมาพบกันนอกรอบเพื่อเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าร่วมกัน
ทางด้านค่าเงินปอนด์อังกฤษ อ่อนค่าลงมาบริเวณ 1.2823 ดอลลาร์/ปอนด์ เมื่อคืนนี้ หลังบีโออีเตือนว่า หากอังกฤษถอนตัวออกจากอียูอย่างไม่เป็นระบบ เศรษฐกิจอาจเผชิญกับวิกฤติทางการเงินที่รุนแรงยิ่งกว่าในทศวรรษก่อน ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าไปกว่า 25% จากระดับปัจจุบัน
· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดยังคงอยู่ระดับต่ำเมื่อเทียบตามมาตรฐานในช่วงที่ผ่านมา และต่ำกว่าเพียงเล็กน้อยจากระดับที่เป็นกลางต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ได้กระตุ้นหรือชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ระดับดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ 2.00 – 2.25% และมีการคาดการณ์กันว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ก่อนที่จะปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า และ 1 ครั้งในปี 2020
ในรายงานของ CNBC เผยว่า ประธานเฟดกล่าวถึงคาดการณ์ของบรรดาสมาชิกเฟดที่เป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินแนวโน้ม ณ ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดแนวทางการดำเนินนโยบายเพิ่มเติม ซึ่งต้องให้ความสำคัญและจับตาอย่างใกล้ชิดไปยังข้อมูลเศรษฐกิจและการเงินซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ชี้นำพวกเรา ซึ่งโดยปกติการตัดสินใจของเฟดต่อแนวทางการดำเนินนโยบายจะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ รวมทั้งแนวโน้มของตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า ทีมบริหารกำลังศึกษานโยบายภาษีรถยนต์ฉบับใหม่ เพื่อนำไปป้องกันความเสี่ยงจากการสูญเสียตำแหน่งงาน อย่างในกรณีที่ General Motors Co ได้มีการประกาศปลดพนักงานและปิดโรงงานผลิตลงบางส่วนในช่วงสัปดาห์นี้
โดยนายทรัมป์ได้ยกตัวอย่างว่า นโยบายภาษี 25% สำหรับรถกระบะและรถตู้นำเข้าจากภายนอกทวีปอเมริกาเหนือที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 1960 ได้ช่วยกระตุ้นปริมาณการผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯได้เป็นอย่างดี
· ยอดค้าปลีกในญี่ปุ่นประจำเดือน ต.ค. ขยายตัวได้ 3.5% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดในรอบ 10 เดือน ท่ามกลางแรงหนุนจากยอดขายสินค้าในกลุ่มพลังงาน รถยนต์ ยา และเครื่องสำอาง จึงเป็นสัญญาณว่าเศรษฐิจญี่ปุ่นอาจกลับเข้าสู่ทิศทางการขยายตัวในภาพรวมได้
· ราคาน้ำมันตัวลดลงเมื่อคืนนี้ โดยเป็นการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังการประกาศปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ พบว่าปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 10
ขณะที่ตลาดกำลังจับตาดูการประชุมของกลุ่ม OPEC ที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า โดยซาอุดิอาระเบียได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะไม่ยอมเป็นผู้ลดการผลิตน้ำมันแต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่ไนจีเรียได้ประกาศว่าจะไม่ให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิต
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -2.5% หรือ 1.27 เหรียญ ที่ระดับ 50.29 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเดือน ต.ค. ปี 2017
ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด -1.7% หรือ 1.05 เหรียญ ที่ระดับ 50.29 เหรียญ/บาร์เรล
· นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บรรดาผู้นำประเทศในกลุ่มโอเปกอาจมีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ระหว่างการประชุม G-20 สัปดาห์นี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ก่อนหน้าที่กลุ่มโอเปกจะจัดการประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 ธ.ค. สัปดาห์หน้า