• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561

    30 พฤศจิกายน 2561 | Economic News

·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่มีท่าทีระมัดระวังต่อการลงทุนก่อนประชุม G20 ที่จะเริ่มเปิดฉากประชุมในวันนี้และวันเสาร์ โดยมีเหตุการณ์สำคัญ คือ การพบกันระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศ


·         นักกลยุทธ์ค่าเงินอาวุโสของ Rabobank กล่าวว่า หากเห็นสัญญาณความคืบหน้าของแนวโน้มการค้าในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ควบคู่กับสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินของเฟดก็อาจหนุนให้มีเม็ดเงินไหลออกจากค่าเงินดอลลาร์กลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นได้


·         ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นได้ประมาณ 0.4จากระดับต่ำสุดรอบเกือบ 1 สัปดาห์ โดยมาทรงตัวแถว 96.79 จุด


·         ผลสำรวจจาก Money Markets เผยว่า มีโอกาส 70ที่จะเห็นอีซีบีปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีหน้า โดยลดลงจากโอกาส 100ที่เคยสำรวจในช่วงต้นเดืนอนี้ ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนตัว


อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.19ที่ระดับ 1.1388 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ไปทำระดับสูงสุดในรอบเกือบสัปดาห์บริเวณ 1.1398 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 113.4 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 113.21 เยน/ดอลลาร์

·         รายงานประชุมเฟดระหว่างวันที่ 7-8 พ.ย. ระบุว่า สมาชิกเฟดยังคงเห็นด้วยกับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยอีกจำนวน 1 ครั้งในปีนี้ และเป็นการสะท้อนถึงโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ขณะเดียวกันในสรุปรายงานยังคงมีการบ่งชี้ถึงความกังวลบางส่วนเกี่ยวกับกรอบเวลาของการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เฟดคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้อีกหนึ่งครั้งในเดือนธ.ค. นี้ และอีก 3 ครั้งในปี 2019

ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติของเฟดยังคงเป็นเรื่องที่เหมาะสม และสมาชิกเฟดเกือบทั้งหมดมีมุมมองว่าจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ตามเป้าหมายกรอบเดิมที่เคยตั้งไว้ หากข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน เงินเฟ้อยังคงแข็งแกร่งตามคาดหรือมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน

·         เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวโดยระบุว่า ใกล้ทำบางสิ่งบางอย่างทางการค้าจีน ซึ่งถ้อยแถลงของเขาถือเป็นการกล่าวย้ำในการเตรียมเข้าร่วมประชุม G20 และนายทรัมป์ เชื่อว่าจีนต้องการทำข้อตกลง และเขาก็คาดหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการยกเลิกการเข้าพบกับผู้นำรัสเซียในการประชุม G20 โดยนายทรัมป์ได้ทวีตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ จากกรณีที่รัสเซียทำการเข้ายึดเรือรบ 3 ลำของยูเครนบริเวณทะเลดำ

·         รัฐบาลรัสเซียระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย มีความจำเป็นต้องพบกันโดยตรง เพื่อเจรจาภายใต้สนธิสัญญา INF (Intermediate-Range Nuclear Forces) ที่ว่าด้วยการจัดเก็บอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากที่นายทรัมป์ได้ประกาศยกเลิกการพบกับนายปูตินระหว่างการประชุม G20

โดยทางรัสเซียได้แสดงความเสียใจต่อการยกเลิกการพบกันดังกล่าว แต่ทางรัสเซียก็ยังคงยืนยันว่ามีความพร้อมและยินดีที่จะพบกับนายทรัมป์

·         ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯเตรียมจัดการประชุมร่วมกับบรรดา CEO หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆและตำแหน่งงานในอนาคต ซึ่งบริษัทที่ยืนยันแล้วว่าจะเข้าร่วม ได้แก่ Microsoft, Alphabet, Qualcomm, และ Oracle นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอื่นๆที่ทีมบริหารส่งคำเชิญไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันกลับมา

·         ผลสำรวจจาก Reuters คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของราคาที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอย่างมากในปี 2019 ซึ่งจะสอดคล้องกับกระแสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเริ่มชะลอตัวในปีหน้าเช่นกัน

โดยผลสำรวจคาดว่าราคาที่อยู่จะยังขยายตัวได้มากกว่าอัตราเงินเฟ้อและอัตราค่าจ้างในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่ด้วยอัตราที่ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

·         นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะกล่าวในที่ประชุม G20 เพื่อโน้มน้าวในบรรดาผู้นำประเทศว่า ข้อตกลง Brexit ที่เธอสามารถตกลงกับอียูได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก

โดยข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างใกล้ชิดระหว่างอังกฤษและอียูเอาไว้ หลังจากที่อังกฤษถอนตัวออกไป อย่างไรก็ตาม นางเมย์ยังคงเผชิญกับเสียงคัดค้านภายในรัฐสภาอังกฤษเอง และมีแนวโน้มที่การลงมติข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นไปอย่างยากลำบาก

·         อัตราการผลิตของภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นขยายตัวได้ 2.9% ในเดือน ต.ค. หลังจากที่ชะลอตัวลงในเดือนก่อนหน้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ จึงเป็นสัญญาณว่าภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัว

·         สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.16 เหรียญ คิดเป็น +2.3% ที่ระดับ 51.45 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากช่วงต้นตลาดร่วงลงไปทำระดับต่ำสุด 49.41 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 75 เซนต์ คิดเป็น -1.3ที่ระดับ 59.51 เหรียญ หลังจากช่วงต้นตลาดทำ Lowบริเวณ 57.5 เหรียญ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นได้เกือบ 3หลังจากที่แหล่งข่าวด้านอุตสาหกรรม เผยว่า รัสเซียยอมรับข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตร่วมกับกลุ่มโอเปกในการประชุมสัปดาห์หน้า


อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันเดือนพ.ย. ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงมากที่สุดรอบ 1 เดือน และเป็นการปรับลงมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงินปี 2008 โดยภาพรวมปรับตัลงไปแล้วประมาณ 22%


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com