Morgan Stanley คาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์จะเริ่มเข้าสู่ทิศทางอ่อนค่าภายในปี 2019 และปัจจัยกดดันก็ไม่ได้มาจากการชะลอขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเพียงอย่างเดียว
Hans Redeker หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ FX จาก Morgan Stanley กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ถูกคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลงในปี 2019 เฟดเองก็ถูกคาดการณ์ว่าจะระงับการขึ้นดอกเบี้ยภายในช่วงกลางปี 2019 ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาในช่วงสัปดาห์นี้ แต่ปัจจัยกดดันไม่ได้มีแค่นั้น เนื่องด้วยเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ต่างมีปริมาณการลงทุนในตลาดการเงินที่น้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้นปริมาณอุปสงค์ในค่าเงินดอลลาร์ก็มีแนวโน้มที่จะลดลงตามไป
นั่นเป็นเรื่องที่สำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯมาก เพราะว่าสหรัฐฯกำลังมียอดขาดดุลทั้งในงบประมาณของภาครัฐและในการค้าขายระหว่างประเทศ ดังนั้นสหรัฐฯจึงจำเป็นต้องหาผู้ซื้อพันธบัตรที่ตนเองเป็นผู้ออก แต่สภาพคล่องของตลาดที่มีต่อพันธบัตรสหรัฐฯกลับอยู่ในช่วงขาลง จึงทำให้สหรัฐฯไม่สามารถหางบประมาณได้เพียงพอที่จะเข้ามาอุดยอดขาดดุลดังกล่าว
ปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯยังอยู่ในระดับสูง นอกจากจะเป็นผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดแล้ว ยังเป็นเพราะการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งภายในปีนี้อีกด้วย จึงทำให้บรรดานักลงทุนหันเข้าหาเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกมากยิ่งขึ้นไปอีก และทำให้ปริมาณอุปสงค์ในค่าเงินดอลลาร์ตลอดปี 2018 อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งทีเดียว
ซึ่งภายในปี 2018 ดัชนีดอลลาร์ ที่เทียบค่าเงินดอลลาร์กับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ สามารถปรับแข็งค่าได้ถึง 4.9% อย่างไรก็ตาม Morgan Stanley ได้คาดการณ์ว่า ดัชนีจะอ่อนค่าลงจากระดับปัจจุบันที่ 97 จุด ลงสู่บริเวณ 85 จุด ภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2019 และจะอ่อนค่าต่อไปถึงบริเวณ 81 จุด ภายในช่วงปลายปี 2020
ทั้งนี้ แม้ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งในปีนี้ ท่ามกลางปริมาณเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้าสู่สหรัฐฯ แต่เนื่องจากบรรดานักลงทุนเริ่มที่จะมองเห็นผลตอบแทนที่ดีกว่าจากตลาดอื่นๆ ดังนั้นพวกเขาจึงมีแนวโน้มที่จะถอนเงินลงทุนออกจากสหรัฐฯ และนำไปลงทุนในเศรษฐกิจอื่นๆแทน โดยเฉพาะกับบรรดาตลาดเกิดใหม่ทั้งหลาย