• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561

    30 พฤศจิกายน 2561 | Economic News
·         ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ หลังนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ใกล้ระดับมาตรฐาน ส่งผลให้ตลาดมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจบลงเร็วกว่าที่คาด

โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกเล็กน้อยบริเวณ 96.76 จุด หลังจากที่เมื่อคืนนี้อ่อนค่าลงมา 0.54% หลังตลาดตอบรับกับถ้อยแถลงดังกล่าว

ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นักลงทุนอาจหลีกเลี่ยงหรือระมัดระวังในการถือครองสถานะ Short ในดอลลาร์ เนื่องจากตลาดจะจับตาการประชุม G20 ที่ผู้นำสหรัฐฯและจีนจะมาพบกันเพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาทางการค้า

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.4% เมื่อเทียบกับเงินเยน บริเวณ 113.25 เยน/ดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์มองว่าความแตกต่างระหว่างนโยบายการเงินของสหรัฐฯและญี่ปุ่นจะเป็นปัจจัยให้ค่าเงินเยนต่อไปได้อีก 2-3 เดือนข้างหน้า

ส่วนค่าเงินยูโรแข็งค่า 0.1% บริเวณ 1.1377 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่แข็งค่าขึ้นมาได้ 0.7% จากการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อคืนนี้

ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นบริเวณ 1.2843 ดอลลาร์/ปอนด์ แต่นักวิเคราะห์ยังมองว่าค่าเงินปอนด์จะยังคงเผชิญแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ว่านางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะไม่สามารถเรียกเสียงสนับสนุนข้อตกลง Brexit จากรัฐสภาได้เพียงพอ

·         รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งอังกฤษ กล่าวเตือนว่า หากอังกฤษถอนตัวออกจากอียูแบบ No-deal อาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือกันทางด้านการรักษาความปลอดภัยระหว่างประเทศได้ 

·         นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีกำหนดจะเข้าพบกันวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ในการประชุม G20ประเทศอาร์เจนตินา 

·         Morgan Stanley ระบุว่า ถึงแม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะแสดงความไม่พึงพอใจต่อการดำเนินงานของเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด แต่นายทรัมป์ก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งปลดนายโพเวลล์ออกจากตำแหน่งแต่อย่างใด

โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายทรัมป์กล่าวตำหนิเฟดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเทขายในตลาดหุ้น และการที่ 

นอกจากนี้ Morgan Stanley ยังได้ย้ำเตือนถึงแนวโน้มที่ราคารถยนต์จะพุ่งสูงขึ้น หาก Trade war ขยายตัว

โดยมีรายงานว่า นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ กำลังวิเคราะห์ถึงหนทางที่สหรัฐฯจะสามารถประกาศขึ้นอัตราภาษีรถยนต์นำเข้าจากจีนเพิ่มเป็นอัตรา 40% ซึ่งเป็นระดับภาษีทางจีนเรียกเก็บกับรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งทาง Morgan Stanley ได้เตือนว่า ความตึงเครียดดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคตลอดจนผู้ผลิต

·         หัวหน้านักลยุทธ์ค่าเงินจาก Mizuho Securities กล่าวว่า ตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่กล่าวย้ำถึงการอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 2-3 ครั้ง หากเศรษฐกิจยังอยู่ในทิศทางที่ดี  ซึ่งแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจชะลอออกไปจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า ในขณะที่ยูโรมีแนวโน้มจะแข็งค่าจากการขึ้นดอกเบี้ยของอีซีบี

·         วุฒิสภาแห่งสหรัฐฯ หรือสภาสูง พยายามผลักดันนโยบายยกเลิกการส่งกำลังทหารสนับสนุนไปยังการสู้รบในกรุงเยเมน ที่นำโดยซาอุอาระเบีย ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนต่อต้านการสานสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบียของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดยการลงมตินโยบายดังกล่าวในคืนที่ผ่านมา สามารถผ่านการลงมติไปได้ด้วยคะแนนโหวต 63-37 เสียง แม้ว่าพรรครีพับลิกันจะมีเสียงข้างมากในสภาสูงก็ตาม

·         รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งประเทศจีน แสดงความคาดหวังต่อ ผลลัพธ์เชิงบวก” ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการประชุม G20 ที่ประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าร่วมกันได้  

·         ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังว่าการประชุม G20 จะทำให้บรรดาผู้นำประเทศสามารถหาข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิต ก่อนหน้าที่การประชุมของกลุ่ม OPEC จะเกิดขึ้นจริงในสัปดาห์หน้า แต่ราคายังคงเผชิญแรงกดดันจากปริมาณสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบปี

โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับสูงขึ้น 0.4% หรือ 0.20 เหรียญ ที่บริเวณ 50.49 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ราคาปรับลดลงเมื่อคืนนี้ถึง 2.5% ทำระดับต่ำสุดที่ 50.29 เหรียญ/บาร์เรล ที่เป็นระดับต่ำสุดของเดือน ต.ค. ปีที่ผ่านมา

ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 0.1% หรือ 0.06 เหรียญ ที่บริเวณ 58.82 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ราคาปรับลดลงเมื่อคืนนี้ถึง 2.4% ทำระดับต่ำสุดที่ 58.76 เหรียญ/บาร์เรล



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com