• ดัชนีดอลลารือ่อนค่าลง 0.36% บริเวณ 96.92 จุด หลังความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มกลับเข้ามาในตลาด หลังจากความกังวลเกี่ยวกับ Trade war เริ่มผ่อนคลายลง
ด้านค่าเงินหยวนแข็งค่า 0.55% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์บริเวณ 6.9109 หยวน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่บริเวณ 113.45 เยน/ดอลลาร์ โดยทำระดับอ่อนค่าที่สุดรายวันที่ 113.85 เยน/ดอลลาร์และค่าเงินยูโรแข็งค่า 0.3% บริเวณ 1.1350 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางแรงเทขายในค่าเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ FX จาก RBC Capital Markets ระบุว่า ความผ่อนคลายจากประเด็น Trade war ที่เกิดขึ้นในตลาด จะเป็นผลเพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยต้องจับตาไปที่การประชุมครั้งต่อๆไประหว่างสหรัฐฯ-จีน ในช่วงเวลา 90 วันข้างหน้า ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างมาก
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก CMC markets ระบุว่า การผ่อนคลายจากประเด็น Trade war จะช่วยให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
• ผลสำรวจภาคเอกชนเผย กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมในประเทศจีนขยายตัวได้เล็กน้อยในเดือน พ.ย. แม้ว่ายอดส่งออกจะชะลอตัวลงติดต่อกัน ท่ามกลางแรงกดดันที่เกิดความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
โดยดัชนี PMI ประจำเดือน พ.ย. จัดทำโดย Caixin ขยายตัวสู่ระดับ 50.2 จุด จากเดิมที่ 50.1 จุด ในเดือน ต.ค. ขณะที่ดัชนีวัดคำสั่งซื้อยังคงชะลอตัว แม้ว่าจะออกมาดีขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 50.9 จุดในเดือน พ.ย. จากเดิมที่ 50.4 จุดในเดือน ต.ค. ก็ตาม
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมกล่าวกับรัฐสภาว่ามีหลายๆประเทศที่กำลังต้องการทำการค้าขายร่วมกับอังกฤษหลังจากที่อังกฤษถอนตัวออกจากอียู เพื่อเป็นการโน้วน้าวบรรดา ส.ส. ในรัฐสภาให้เห้นด้วยกับแผน Brexit ของเธอและเรียกเสียงสนับสนุนก่อนหน้าการลงมติในวันที่ 11 ธ.ค. นี้
อย่างไรก็ตาม หนทางของการลงมติสำหรับนางเมย์ดูไม่ค่อยสดใสนัก ท่ามกลางเสียงส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับเธอ ขณะที่พรรคฝ่ายค้านได้ระบุว่า จะทำการโหวตไม่ไว้วางใจทันทีหากการลงมติของนางเมย์ไม่ประสบความสำเร็จ
• นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสสั่งการให้นายกรัฐมนตรีเร่งจัดการประชุมร่วมกันระหว่างบรรดาผู้นำทางการเมืองและผู้นำการชุมนุม เพื่อเร่งบรรเทาเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากการประท้วงของกลุ่ม “yellow vest” ในกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส ซึ่งนับเป็นการประท้วงที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1968
โดยประชาชนกลุ่ม “yellow vest” ได้รวมตัวเมื่อวันที่ 17 พ.ย. เพื่อประท้วงการทำงานของนายมาครงที่ไม่สามารถทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ตอนหาเสียง หลังจากที่ครองตำแหน่งมาเป็นเวลาปีกว่าแล้ว อีกทั้งค่าใช้จ่ายของภาครัฐยังมีสูงขึ้นภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบันอีกด้วย
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าว ทางการจีนได้ยืนยันกับทางสหรัฐฯว่าจะดำเนินการ “ลดและยกเลิก” อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯที่ตั้งไว้ต่ำกว่าระดับ 40% ท่ามกลางสัญญาณความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทสที่ดูจะพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ
• นักวิเคราะห์ คาดว่า เศรษฐกิจของเอเชียประจำเดือนพ.ย.ที่ผ่านมามีแนวโน้มชะลอตัวเนื่องจากกิจกรรมภาคโรงงานและยอดส่งออกอ่อนตัวลงทั่วภูมิภาค ท่ามกลางประเด็นทางการค้าที่ร้อนแรงในตอนนี้
ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อประจำ IHS Markit ระบุว่า ความเชื่อมั่นของบริษัทถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองสินค้า กิจกรรมภาคการผลิตประจำเดือนพ.ย.ที่ลดลงในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ไต้หวัน และเกาหลีใต้
ขณะที่กิจกรรมภาคโรงงานในจีนปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลง ได้รับผลกระทบมากจากประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีอายุ 2 ปี ปรับลดลง 0.05% ที่บริเวณ 0.80% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน หลังมีรายงานข่าวว่ารัฐบาลจะพิจาณาปรับลดเป้าหมายอัตรายอดดุลของภาครัฐในแผนงบประมาณปี 2019 ลงสู่ระดับ 2.0% หรือ 1.9% จากเดิมที่ 2.4%
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นกว่า 4% หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯและนายสี จิ้นผิง ผู้นำจีนต่างมีมติที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าออกไปเป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการเจรจาหาข้อตกลงทางกาค้าร่วมกันอีกครั้ง ก่อนหน้าการประชุมโอเปกในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 4.9% ที่ระดับ 53.41 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มขึ้น 4.5% ที่ระดับ 62.12 เหรียญ/บาร์เรล