• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมาจากประเด็นตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ดูบรรเทาลงไป ขณะที่ค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังนักลงทุนเทขายดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven และเข้าถือครองสินทรัพย์หรือค่าเงินที่มีความเสี่ยงกว่า
โดยค่าเงินหยวนปรับแข็งค่ามา 1% ที่ระดับ 6.8813 หยวน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์ปรับขึ้น 0.57% ทางด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมา 0.4% และค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นได้ 0.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 97.04 จุด หลังไปทำระดับต่ำสุดเมื่อวานนี้ที่ 96.7 จุด
ขณะที่นักลงทุนได้ตอบรับกับประเด็น Trade War ไปแล้ว และมีแนวโน้มว่านักลงทุนและตลาดจะกลับมาให้ความสนใจไปยังการประชุมเฟดที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้ระหว่างวันที่ 18-19 ธ.ค. ซึ่งกระแสคาดการณ์ส่วนใหญ่ค่อนข้างมั่นใจว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ แต่ถ้อยแถลงล่าสุดเกี่ยวกับจำนวนการขึ้นดอกเบี้ยน่าจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์เป็นหลัก
• นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส แสดงถึงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของสหรัฐฯและเรียกร้องให้เฟดอดทนรอในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลกระทบต่อผลกำไรภาคบริษัทและมีแนวโน้มจะจำกัดค่าใช้จ่ายในภาคธุรกิจ และนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดตลอดช่วง 2 ปีก็เริ่มที่จะเป็นอุปสรรคต่อตลาดที่อยู่อาศัย และมองว่าในช่วงกลาปีหน้าทิศทางเศรษฐกิจดูมีแนวโน้มจะแตกต่างจากปัจจุบันนี้ ดังนั้น เฟดควรอดทนรอในการดำเนินนโยบายขึ้นดอกเบี้ย
• ในการร่วมรับประทานอาหารค่ำเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาของผู้นำสหรัฐฯและผู้นำจีนในการประชุม G20 ต่างมีข้อตกลงชะลอการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันที่จะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. ปี 62 โดยสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนจาก 10% สู่ 25% มูลค่ากว่า 2 แสนล้านเหรียญ ขณะที่ทางทำเนียบขาว ระบุว่า หากภายใน 90 วันของข้อตกลงสงบศึกชั่วคราว ทั้ง 2 ประเทศยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆร่วมกันได้ ทางสหรัฐฯก็จะดำเนินการเรียกเก็บภาษีจีน 25% ในทันที ซึ่งการเจรจาทางการค้าของสองประเทศจะต้องหารือกันในเรื่องการขนส่งเทคโนโลยี รวมทั้งทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งเป็นประเด็นหลัก
• นายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า จีนอาจทำการหั่นภาษีนำเข้ารถยนต์ ตามข้อตกลงการเลื่อนการขึ้นภาษีทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเจรจาหาข้อตกลงทางการค้าร่วมกัน โดยจีนอาจลดภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตโดยสหรัฐฯจากระดับ 40% สู่ระดับ 0% รวมไปถึงสินค้าในกลุ่มเกษตรกรรมด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ นายคุโลว์ ยังกล่าวว่า สำหรับช่วงเวลา 90 วันสำหรับการเจรจาจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 ม.ค. แต่จีนให้คำมั่นว่าจะเริ่มต้นเรื่องการปรับกำแพงภาษีทางการค้าโดยเร็ว และหากจีนดำเนินการได้เร็วที่สุดภายในวันจันทร์หน้า ทางทำเนียบขาวก็จะเริ่มนับช่วงเวลาการหารือกันตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา
• รองผู้บริหารสถาบัน CSIS (Center for Strategic and International Studies) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า วันที่ 18 ธ.ค. เป็นวันครบรอบ 40 ปี การปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศจีน ซึ่งในช่วงวันหรือสัปดาห์ดังกล่าวเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่าทางรัฐบาลจีนจะมีการประกาศครั้งสำคัญออกมาหรือไม่ หากไม่มีการประกาศที่สำคัญใดๆ นั่นหากหมายความว่าทางรัฐบาลจีนไม่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรมในประเทศแต่อย่างใด
• ทางสภาคองเกรสสหรัฐฯ เผชิญกับกำหนดเส้นตายวันศุกร์นี้ในการอนุมัติงบประมาณสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจำนวน 4.5 แสนล้านเหรียญเพื่อต่อสู้กับสภาวะ Shutdown ท่ามกลางนายโดนัดล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทางพรรคเดโมแครตที่ดูจะยังไม่สามารถลงรอยกันได้ในเรื่องงบประมาณการสร้างกำแพงพรมแดน
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากสภาคองเกรส เผยว่า ดูเหมือนการประชุมกันในช่วงปลายสัปดาห์นี้อาจมีการเลื่อนระยะเวลาเส้นตายออกไปในช่วง 2 สัปดาห์ จนถึง 21 ธ.ค.นี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเห็นวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรครีพับลิกันอนุมัติมาตรการดังกล่าวในสัปดาห์นี้ และจะหารือเรื่องงบประมาณหน่วยงานอีกครั้งในช่วงปลายปี
• อัยการสูงสุดแห่งศาลยุติธรรมยุโรปเตรียมแสดงความคิดเห็นว่าอังกฤษจะสามารถตัดสินใจยกเลิกนโยบาย Brexit ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากประเทศอื่นๆได้หรือไม่ ภายในวันอังคารนี้
ขณะที่ความคิดเห็นของบรรดาคณะกรรมการ จะมีการประกาศตามมาภายในวันหลัง แต่คาดว่าความคิดเห็นของคณะกรรมการน่าจะคล้อยความความคิดเห็นของอัยการสูงสุดเป็นหลัก
ทั้งนี้ ทางสหภาพยุโรปได้แสดงความกังวลว่า หากศาลยุติธรรมเห็นพ้องไปในทิศทางดังกล่าว อาจเป็นปัจจัยที่สั่นคลอนความมั่นคงของยุโรปได้