• ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายในวันพุธที่ 5 ธ.ค. เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่นายจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีคนที่ 41 ของสหรัฐ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมในวัย 94 ปี เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 30 พ.ย.
• ในคืนวันอังคารดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 800 จุดหลังลงไปทำระดับต่ำสุดระหว่างวัน ก่อนที่ภาพรวมจะปิด -799.36 จุด คิดเป็น -3.1% ที่ระดับ 25,027.07 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ 10 ต.ค.
ดัชนี S&P500 ปิด -3.2% ที่ 2,700.06 จุด ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย MA ราย 200 วัน จึงกระตุ้นแรงขายเพิ่มขึ้นจากคำสั่งที่ตั้งไว้ของบรรดากองทุน ซึ่งในดัชนี S&P500 นั้น หุ้นกลุ่มการเงินดูจะปรับตัวลงแรงสุดกว่า 4.4%
ดัชนี Nasdaq ปิด -3.8% และทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะปรับฐานและปิดที่ 7,158.43 จุด ขณะที่หุ้น Russell 2000 ปิด -4.4% ที่ 1,480.75 จุด เรียกได้ว่าปิดแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 ท่ามกลางปริมาณซื้อขายในตลาดที่ค่อนข้างหนาแน่น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงอย่างหนัก นับตั้งแต่ ต.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กังวลต่อตลาดพันธบัตรที่เกิดสัญญาณความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัว ควบคู่กับประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 3 ปี ปรับตัวขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 5ปี จึงเกิดสภาวะการกลับกันของ Yields Curve หรือการที่พันธบัตรระยะสั้นมีการซื้อขายสูงกว่าพันธบัตรระยะยาว และสะท้อนถึงภาวะชะลอตัวที่จะเกิดขึ้นตามมา และบ่อยครั้งที่เศรษฐกิจประสบภาวะถดถอยก็มักจะเกิดหลังจากสัญญาณพวกนี้ แต่หลายคนยังมองว่าสภาวะดังกล่าวอาจจะยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ จนกว่าที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 2 ปี จะยืนเหนือพันธบัตรอายุ 10 ปี และเรื่องดังกล่าวก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนี้
นอกจากนี้ รายงานของ CNBC ยังระบุว่า ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดของวัน หลังจากที่ นายเจฟรีย์ กันด์แลช CEO ของ Doubleline Capital กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส โดยระบุว่า การเคลื่อนไหวสลับสับเปลี่ยนกันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เกิดขึ้น เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจมีความอ่อนแอ
• ในช่วงปลายตลาดวานนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของหุ้นสหรัฐฯมีการปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไรเรื่องความกังวลทางการค้าและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยดัชนี E-mini S&P500 ปรับลงไป 0.9% ด้วยปริมาณการซื้อขาย 51,375 คู่สัญญา
แม้จะมีข้อกังขาว่าข้อตกลงทางการค้าจะเป็นเช่นไรและได้กดดันให้หุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงในคืนวันอังคาร แต่เมื่อวานนี้ทางจีนก็ดูจะมีความมั่นใจมากว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับทางสหรัฐฯ แม้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะมีการกล่าวเตือนว่าหากไม่สามารถหาทางบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ก็จะเดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนต่อไป
• ความกังวลเรื่องตลาดพันธบัตรมีสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับ Trade War ที่ยังคงอยู่ระหว่างสหรัฐฯและจีน ได้ส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดร่วงกว่า 3% โดยดัชนี STOXX600 ปิด -1.2% ทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 23 พ.ย. ขณะที่ดัชนี DAX ของเยอรมนีปิด -1.2%
• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ท่ามกลางการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ก่อนหน้าการประชุมโอเปกที่จะเริ่มต้นในวันนี้
โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 1.27% ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 1.17% ด้านดัชนี Kospi เกาหลีใต้ลดลงเช่นเดียวกันที่ระดับ 0.47% เนื่องจากถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม อย่าง Samsung Electronics ร่วงลงกว่า 1.3%
• นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเงินไว้ที่ระหว่าง 32.68-32.85 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระทบ ประกอบกับตลาดรอตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP และดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เบื้องต้น