• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 7 ธันวาคม 2561

    7 ธันวาคม 2561 | Economic News
• ค่าเงินดอลลาณ์อ่อนตัวจากกระแสคาดการณ์ครั้งใหม่ที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้แต่น่าจะชะลอวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยในเวลาต่อไป

ขณะที่นักลงทุนตอบรับกับสัญญาณการอ่อนตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ขณะทีการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีการกลับด้านกันและเป็นการสะท้อนถึงภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจหรือภาวะถดถอย

อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินให้ความสนใจไปยังการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ อัตราว่างงานและค่าแรงที่จะเปิดเผยในช่วงค่ำวันนี้เพื่อหาสัญญาณการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นักลงทุนในดอลลาร์ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า มีการลงทุนด้วยท่าทีระมัดระวังหลังจากที่รายงานของ Wall Street Journal รายงานว่าสมาชิกเฟดกำลังพิจารณาว่าจะส่งสัญญาณWait-and-See หลังจากที่ประกาศขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมที่จะเกิดขึ้นเดือนนี้

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 96.802 จุด โดยปรับลงอีก 0.3% จากระดับปิดวานนี้ ซึ่งเป็นการปิดระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์และลดลงไป 0.9% จากระดับสูงสุดรอบ 17 เดือนที่ทำไว้เมื่อ 12 พ.ย.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ทรงตัวที่ 2.896% หลังจากที่ร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนส.ค. เมื่อคืนที่ผ่านมา

เครื่องมือ FedWatch จาก CME Group ระบุว่า เทรดเดอร์มองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ 1 ครั้งในปีหน้า จากความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น 2 ครั้งในคาดการณ์ก่อนหน้า

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1378 ดอลลาร์/ยูโรขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าลงมา 0.1% ที่ระดับ 112.79 เยน/ดอลลาร์

• ผลสำรวจนักกลยุทธ์ค่าเงิน Reuters กว่า 60% บ่งชี้ว่า ค่าเงินหยวนมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลง 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายการเงินของจีนก็อาจจะเข้าควบคุมค่าเงินหยวนในปี 2019

สำหรับปีนี้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าไปแล้ว 5% ขณะที่ค่าเงินหยวนแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 6.8308 หยวน/ดอลลาร์ในวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่สหรัฐฯและจีนมีการเจรจาบรรลุข้อตกลงสงบศึกทางการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90% แต่ความไม่แน่นอนก็ยังคงมีอยู่ในการหาทางแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าก่อนที่จะเกิดกำหนดเส้นตาย

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเดือนต.ค. ปรับตัวลง จึงยิ่งย้ำสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศเยอรมนีที่อาจร่วงลงต่อในไตรมาสที่ 4 โดยข้อมูลผลผลติร่วงลงมาประมาณ 0.5% จากคาดการณ์ที่ว่าจะเห็นขยายตัวได้ 0.3%
• นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเร่งด่วนใดจากการดำเนินนโยบายเข้าซื้อสินทรัพย์จากกองทุน ETF จึงช่วยลดกระแสวิจารณ์ที่ว่าประเด็นดังกล่าวได้ส่งผลต่อตลาดหุ้น

ขณะที่เงินเฟ้อญี่ปุ่นยังอยู่ห่างจากเป้าหมายที่บีโอเจกำหนดไว้ที่ 2% แต่บีโอเจก็มีการพิจารณาที่ะชะลอหรือยุติการเข้าซื้อ ETF หรือการลงทุนในกองทุนของหุ้นอยู่

• ตลาดแรงงานสหรัฐฯถือเป็นปัจจัยสำคัญในขณะที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลง และมีความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกและภาวะการเมือง

สภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีทิศทางที่ดี และคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากภาคแรงงาน, ค่าแรง และอัตราว่างงาน

FX Street มองว่า ข้อมูลการจ้างงานของรัฐบาลสหรัฐฯคาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 205,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. จากเดิมที่อยู่ที่ระดับ 250,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานจะคงตัวที่ 3.7% และค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงคาดจะขยายตัวได้ 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.

• เฟดเริ่มถูกลดกระแสคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าลง หลังจากที่เดือนนี้ยังคงมีคาดการณ์ว่าจะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมระหว่าง 18-19 ธ.ค. และก็คาดว่ามีแนวโน้มจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเกิดขึ้น

ขณะที่ตลาดแรงงานถือเป็นปัจจัยหลักที่ถือว่าประสบความสำเร็จหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายดอกเบี้ยในช่วงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลแรงงานอาจจะหนุนนให้เฟดยังสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าและปีต่อไปได้

• ตลาดให้ความสนใจไปยังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มชะลอตัวหลังจากที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

โดยนายเจอโรม โพลเวล ประธานเฟด ได้ให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน

ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์ของ Reuters คาดว่า การจ้างงานประจำเดือนพ.ย.จะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 250,000 เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

• รายงานจาก Reuters ระบุว่า นาย เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะพูดถึงการเคลื่อนไหวของ "เสื้อกั๊กสีเหลือง" ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เนื่องจากฝรั่งเศสมีการประท้วงอย่างรุนแรงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นทั่วทั้งประเทศ เนื่องจากประชาชนมองว่านโยบายนี้ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น

• แหล่งข่าวจากโอเปก 2 ราย บอกว่า ประเด็นหลักเกี่ยวกับข้อตกลงการผลิตของโอเปกในวันนี้จะเห็นพ้องกันในการยกเว้นแก่ประเทศอิหร่านที่ประสบผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้น โดยวันนี้โอเปกจะหารือกันต่อกับประเทศรัสเซีย ขณะที่เมื่อวานนี้โอเปกล้มเหลวในการหาข้อตกลงเพื่อระบุยอดการผลิต

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากการไร้ข้อสรุปที่ชัดเจนเรื่องการปรับลดกำลังการผลิต แต่ยังคงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้จนกว่าจะมีการหารือกับรัสเซีย โดย

ทางรัสเซียต้องการที่จะลดการผลิตน้ำมันลงได้สูงสุด 150,000 บาร์เรล/วันในช่วงสามเดือนแรกของปี 2019

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 1.1% ที่ระดับ 59.40 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 1% ที่ระดับ 50.97 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com