• หุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหลังจากอังกฤษเลื่อนการลงมติ Brexit ในรัฐสภาอังกฤษออกไป โดยดัชนี Stoxx 600 ปิดลงไปประมาณ 1.8% ขณะที่ดัชนี FTSE100 ปิดลดลง 0.7% หลังนายกฯอังกฤษยืนยันที่จะเลื่อนการลงคะแนนเสียงในสภาฯ
• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นได้ 34.31 จุด ที่ระดับ 24,423.26 จุด หลังจากที่ช่วงต้นตลาดร่วงลงไป 507 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้นได้ 0.2% ที่ 2,637.72 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดปรับขึ้น 0.7% ที่ระดับ 7,020.52 จุด
โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นได้จากหุ้นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นบริษัท Facebook ที่ปรับขึ้น 3.2% ขณะที่ Amazon, Netflix และAlphabet รีบาวน์ได้กว่า 0.6% ทางด้านหุ้น Apple ที่ช่วงต้นร่วงลงไปกว่า 2% ก็สามารถกลับมาปิดแดนบวกได้ 0.65%
• ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง จากความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ท่ามกลางการฟื้นตัวของดัชนีดาวโจนส์หลังจากที่ร่วงลงไป 507 จุด
โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ร่วงลง 0.21% ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 0.46% ขณะที่หุ้นกลุ่ม Softbank ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.8% หลังจากที่บริษัทประกาศขายหุ้น IPO จะมีราคาอยู่ที่ 1,500 เยนต่อหมายเลข (ประมาณ 13.25 เหรียญ) โดย Softbank ตั้งเป้าไว้ที่ 2.65 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.34 หมื่นล้านเหรียญ)
• นักบริหารการเงิน คาดการณ์เงินบาทสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 32.60-33.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ตลาดรอติดตาม ได้แก่ การพิจารณาร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของรัฐสภาอังกฤษ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ในระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาสินค้านำเข้าและส่งออก ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.