• ตลาดหุ้นยุโรปปิดแดนบวกเมื่อวานนี้ท่ามกลางประเด็นสหรัฐฯและจีนร่วมเดินหน้าเจรจาทางการค้า โดยดัชนี Stoxx 600 ปิดปรับขึ้นประมาณ 1.8% ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่ต่างเคลื่อนไหวแดนบวก
หุ้นยุโรปตอบรับกับข่าวความคาดหวังที่ว่าจะเกิดข้อตกลงทางการค้าได้ระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากมีรายงานยืนยันจากรองนายกรัฐมนตรีของจีน ว่า จีนและสหรัฐฯพยายามหาข้อตกลงทางการค้าร่วมกันอย่างครอบคลุมที่สุด
• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวลงหลังจากที่ผันผวนตลอดวันทำการจากข้อมูลผันผวนของตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 53.02 จุด ที่ระดับ 24,370.24 จุด หลังในช่วงต้นตลาดปรับขึ้นไปกว่า 368 จุด และมีการอ่อนตัวลงอีก 202 จุด ทางด้านดัชนี S&P 500 ปิดลดลงที่ระดับ 2,636.78 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.16% ที่ระดับ 7,031.83 จุด
อย่างไรก็ดี แรงบวกในตลาดที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้กว่า 1% ในช่วงแรกมาจากสัญญาณที่ว่าความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจพัฒนาขึ้นในอนาคต
• ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจากบริษัท DobleLine Capital กล่าวว่า นักลงทุนมีการส่งต่อกันว่า ดัชนี S&P 500 มีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับต่ำสุดเมื่อเดือนก.พ. ปี 2018 ท่ามกลางสัญญาณทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง และผลประกอบการภาคบริษัทที่อ่อนตัว จึงเป็นแรงกดดันสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่วัฎจักรอื่นๆที่กำลังเพิ่มแรงเทขายให้แก่ตลาดหุ้นคือารปรับลดยอดงบดุลบัญชีของเฟด
• ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณในเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับจีนว่าจะยังไม่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจนกว่าเขาจะมั่นในข้อตกลง พร้อมระบุอีกว่าจะเข้าแทรกแซงกรณีการจับกุม CFO บริษัทหัวเว่ยหากจะเอื้อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติหรือช่วยให้เกิดข้อตกลงทางการค้าได้ง่ายขึ้น
ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากรายงานที่ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมจะลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจพรรคของนางเทเรซ่า เมย์ ในคืนวันพุธนี้ โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 1.5%
• นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 32.65-32.90 บาท/ดอลลาร์