· ตลาดหุ้นยุโรปปิดแดนลบ โดยดัชนี STOXX 600 ปิดปรับลง 0.6% หลังอีซีบีประกาศจะยุติการเข้าซื้อพันธบัตรภายใต้โครงการ QE ในวงเงิน 2.6 ล้านล้านยูโร (3 ล้านล้านเหรียญ)
อีซีบีจะยุติโครงการเข้าซื้อพันธบัตรที่เป็นมาตรการพยุงเศรษฐกิจช่วงเกิดวิกฤตที่ใช้มาเป็นเวลากว่า 4 ปี เนื่องจากมีการโต้แย้งกันถึงผลลบต่อรายได้สุทธิของบรรดาภาคธนาคาร
· ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังมีการแกว่งตัวอย่างผันผวน ขณะเดียวกันนักลงทุนในตลาดตอบรับกับสัญญาความคืบหน้าของ Trade War ระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยช่วงต้นตลาด ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นไปกว่า 200 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และNasdaq ปรับขึ้น 0.7%
อย่างไรก็ดี ภาพรวมดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 70.11 จุด ที่ระดับ 24,597.38 จุด หลังแกว่งขึ้นและลงตลอดการซื้อขาย ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดปรับลงมาที่ 2,650.54 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลง 0.4% ที่ระดับ 7,070.33 เหรียญ
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเคลื่อนไหวในแดนลบ ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นยุโรปและการเคลื่อนไหวแบบผสมผสานของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.55% ที่ระดับ 21,816.19 จุด ขณะที่ดัชนี Topix ลกลง 0.27% และปิดที่ระดับ 1,16.65 จุด
· ทั้งนี้ ผลสำรวจ Tankan ของบีโอเจ แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของผู้ผลิตประจำเดือนธ.ค.ทรงตัวเมื่อเทียบกับสามเดือนที่ผ่านมา ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์จาก Reuters คาดว่า ความเชื่อมั่นจะลดลง
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบหว่าง 32.65-32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยคาดว่าบาทที่แข็งค่ามาจากการเก็งกำไร และเป็นผลจาก flow อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ปัจจัยต่างประเทศสำคัญที่ยังต้องติดตาม คือ สถานการณ์ Brexit ตลอดจนสงครามการค้า
ส่วนปัจจัยที่สำคัญในสัปดาห์หน้า ต้องรอดูผลการประชุมกนง. และการประชุมเฟดว่าจะมีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงการประชุมส่งท้ายปีหรือไม่