· ค่าเงินยูโรทรงตัวในช่วงที่ประธานอีซีบีเริ่มกล่าวถ้อยแถลงบริเวณ 1.1375 ดอลลาร์/ยูโร และก็ปรับร่วงลงมาบริเวณ 1.1340 ดอลลาร์/ยูโร หลังอีซีบีเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ประมาณ 0.25%
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 97.082 จุด
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากที่อีซีบีประกาศปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า โดยที่อีซีบีประกาศจะยุติ QE ที่มีการเข้าซื้อพันธบัตรด้วยวงเงิน 2.6 ล้านล้านยูโร (3 ล้านล้านเหรียญ) ในช่วงสิ้นเดือนนี้ และยังคงระบุถึงแนวทางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังช่วงฤดูร้อนปีหน้า
อย่างไรก็ดี นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี มีการกล่าวถึงทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปีนี้ โดยคาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ 1.9% โดยน้อยกว่าคาดการณ์เดิมในเดือนก.ย. ที่มองว่าจะขยายตัวได้ 2.0%
ทั้งนี้ ประธานอีซีบีมีมุมมองว่า แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในยูโรโซนยังคงเป็นไปตามคาดการณ์ แต่ก็มีความเสี่ยงจะเผชิญกับภาวะขาลงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมทั้งนโยบายกีดกันทางการค้า และความผันผวนในตลาดเกิดใหม่และตลาดการเงิน ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจปีหน้า หรือ GDP มองว่าจะขยายตัวได้เพียง 1.7% จากคาดการณ์เดิมที่มองไว้ที่ 1.8%
สำหรับคาดการณ์เงินเฟ้อมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ภาพรวมก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดี โดยมาตรวัดเงินเฟ้อโดยทั่วไปมีสัญญาณชะลอตัว แต่แรงกดดันของดัชนีราคาภายในประเทศยังคงเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางกำลังผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ยังอยู่ในระดับสูง ควบคู่กับตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งที่เป็นตัวผลักดันค่าแรง
· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กำลังเร่งหารือกับบรรดาผู้นำอียูเพื่อให้ช่วยสนับสนุนเธอต่อข้อตกลงและให้เธอสามารถได้รับเสียงสนับสนุนในรัฐสภาอังกฤษได้ภายในเดือนหน้า เพื่อให้การออกจากอียูเป็นไปอย่างราบรื่น
โดยรายงานล่าสุดจากทางรอยเตอร์ส ระบุว่า นางเมย์ ขอให้ทางผู้นำอียูเชื่อในตัวเธอ ซึ่งหากพวกเขาให้การช่วยเหลือจะทำให้เธอสามารถได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐสภาอังกฤษเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit และลดอุปสรรคในการออกจากอียู
· ผลสำรวจบรรดานักเศรษฐศาสตร์จากรอยเตอร์ส พบว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเผชิญกับภาวะถดถอยในช่วง 2 ปีข้างหน้าเพิ่มสูงขึ้น 40% และนั่นอาจทำให้เฟดตัดสินใจปรับลดจำนวนการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าได้
นอกจากนี้ สิ่งที่ฉุดให้นักเศรษฐศาสตร์กังวล มาจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ดูอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี มีแนวโน้มจะปรับตัวลงต่ำกว่าอายุ 2 ปี โดยการเกิดสัญญาณดังกล่าวที่ผ่านมาสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาโดยตลอด ขณะที่กลุ่มนักลงทุนก็เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯและเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะชะลอตัวลง และการเคลื่อนไหวสลับทิศทางกันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรโดยส่วนใหญ่เป็นการชี้ถึงภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจมาตลอดในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
· สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดขึ้น 1.18 เหรียญ หรือคิดเป็น +2% ที่ระดับ 61.34 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.43 เหรียญ คิดเป็น +2.8% ที่ระดับ 52.58 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น หลังข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ประกอบกับนักลงทุนเริ่มคาดการณ์ถึงภาวะอุปทานตลาดน้ำมันโลกอาจมีการปรับตัวลงได้เร็วกว่าที่คาด
IEA เผยรายงานตลาดน้ำมันประจำเดือนที่ว่า ข้อตกลงการผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกกับทางรัสเซียและแคนาดามีการตัดสินใจปรับทบทวนการปรับลดกำลังการผลิต อาจส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่อเนื่องจนถึงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า หากทุกฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงจัง