• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน ก่อนทราบผลประชุมเฟดสัปดาห์นี้ และมีแนวโน้มที่จะเห็นผลประชุมออกมาว่าเฟดขึ้นดอกเบี้ยแต่อาจมีการส่งสัญญาณระมัดระวังมากขึ้นต่อทิศทางเศรษฐกิจปีหน้า โดยทุกสายตาให้ความสำคัญไปยังสัญญาณที่จะเห็นโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าจากการประเมินทิศทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯและจีน และความผันผวนของตลาดการเงินทั่วโลก
ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมาที่ระดับ 97.07 จุด ขณะที่สัญญาณอ่อนค่าของดอลลาร์เริ่มกลับมาอีกครั้งจากการปิดสถานะของกลุ่มนักลงทุนในตลาด โดยระยะสั้น นักลงทุนมีการปรับลดสถานะ Long หลังจากที่ดัชนีดอลลาร์ไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในสัปดาห์ที่แล้ว
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.42% ไปทำระดับแข็งค่าที่สุดที่ 1.136 ดอลลาร์/ยูโร แม้ว่าสำนักงานสถิติของอียูปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อ ขณะที่ภาพรวมข้อมูลเศรษฐกิจจีนและยุโรปในสัปดาห์ที่แล้วออกมาแย่กว่าที่คาด
นอกจากนี้ตลาดจับตาไปยังถ้อยแถลงของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนในวันนี้ที่จะการปฏิรูปและเปิดประเทศในรอบ 40 ปี โดยมีกำหนดการกล่าวในที่ประชุม Central Economic Work Conference
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุว่าเธอจะนำนโยบาย Brexit มาลงมติในรัฐสภาอีกครั้งภายในช่วงกลางเดือน ม.ค. พร้อมระบุว่าจะขอความเห็นชอบจากอียูอีกครั้งก่อนที่จะทำการลงมติในรัฐสภาฯ
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ท่ามกลางสัญญาณปริมาณสต็อกน้ำมันในสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังถูกกดดันจากความกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงนั้นอาจส่งผลให้ความต้องการน้ำมันซบเซาลงด้วย
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 2.6% ที่ระดับ 49.88 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งราคาต่ำกว่าระดับ 50 เหรียญเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2017 ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 1.1% ที่บริเวณ 59.61 เหรียญ/บาร์เรล