· หุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงหลังจากที่เฟดตัดสินใจประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ของปีนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงมา 351.98 จุด ปิดระดับต่ำสุดของปีนี้บริเวณ 23,323.66 จุด โดยอ่อนตัวลงมาจากที่ปรับขึ้นไปได้ 380 จุดในช่วงก่อนเฟดตัดสินใจ ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดระดับต่ำสุดของปี โดยร่วงลงมากว่า 1.5% ปิดที่ 2,506.96 จุด ท่ามกลางหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มแบงก์ที่เผชิญภาวะ Roll Over ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิด -2.1% ที่ระดับ 6,636.83 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดของปีเช่นกัน หลังจากที่หุ้นบริษัท Apple ปรับตัวลงไปกว่า 3%
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ตลาดกังวลคือเศรษฐกิจสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีความช่วยเหลือจากเฟดเข้ามาหรือไม่ นั่นจึงเป็นปัจจัยที่กดดันให้ตลาดหุ้นปรับร่วงลงมาอีกครั้งเมื่อคืนนี้
· นักวิเคราะห์จาก BB&T Wealth Management ระบุว่า ผลการประชุมเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ตลาดเริ่มมีมุมมองว่าเฟดไม่ได้เป็นมิตรกับตลาดอีกต่อไป และจะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับร่วงลงไปได้มากกว่านี้ หากเฟดยังคงมีท่าทีคุมเข้มทางการเงินในการประชุมครั้งต่อไป
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่อิตาลีและสภาพยุโรปบรรลุเป้าหมายในแผนงบประมาณ 2019 รวมทั้งเหล่าเทรดเดอร์ให้ความสนใจไปยังการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 ปิดเพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง หลังจากที่เฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.5% เป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้
โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ลดลงกว่า 1% ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 0.43% ด้านหุ้นกลุ่ม Softbank ยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงประมาณ 3%หลังจากได้นำหุ้นของ Softbank เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์โตเกียววันแรก ผลปรากฏว่าราคาเปิดกลับต่ำกว่าราคาที่เสนอขายหุ้นแบบ IPO กว่า 2.5%
· นักบริหารเงิน คาดวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-32.80 บาท/ดอลลาร์