โดยราคาทองคำปรับย่อตัวลงเล็กน้อยในช่วงบ่ายที่บริเวณ 1,260.66 เหรียญ หลังจากปรับขึ้นไปได้ 1% เมื่อคืนนี้ ทำระดับสูงสุดที่ 1,266.4 เหรียญ ที่เป็นระดับสูงสุดของวันที่ 26 มิ.ย.
สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ ราคาทองคำปรับสูงขึ้นได้ 1.7% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่มีการปรับขึ้นมากที่สุดอันดับ 2 ในรอบ 3 สัปดาห์
ด้านราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.4% บริเวณ 1,263.3 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก FXTM ระบุว่า ราคาทองคำยังคงมีหนุนมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยจำนวนครั้งที่ลดลงของเฟดในปี 2019 รวมทั้ง เฟดยังประสบความล้มเหลวในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นั่นจึงตอกย้ำให้นักลงทุนหันเข้าหา Safe-haven กันมากขึ้น
· นักวิเคราะห์จาก OANDA คาดการณ์ว่า ความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะยังคงอ่อนแอจนเข้าสู่ช่วงปีใหม่ ขณะที่การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ได้ช่วยหนุนให้ค่าเงินเยนกลับมาถูกเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven มากขึ้น
· ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯอาจประสบภาวะ Shutdown ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
· โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงยืนยันที่จะไม่ลงนามอนุมัติแผนงบประมาณใดๆ จนกว่าสภาจะอนุมัติงบประมาณสำหรับการก่อสร้างกำแพงชาย ส่งผลให้ตลาดกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐฯอาจเผชิญภาวะ Shutdown ในบางหน่วยงาน
· ด้านราคาพลาเดียมปรับลดลง 0.3% บริเวณ 1,260.50 เหรียญ แต่ในภาพรวมรายสัปดาห์ปรับสูงขึ้นได้ 2% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4
· ขณะที่ราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.1% บริเวณ 14.75 เหรียญ แต่ปรับสูงขึ้น 1% ในภาพรวมรายสัปดาห์
· ราคาแพลทตินั่มปรับลดลง 0.1% บริเวณ 792.80 เหรียญ แต่มีแนวโน้มปิดตลาดในแดนบวกได้เป็นสัปดาห์แรกในรอบ 7 สัปดาห์
โดยคาดการณ์ว่าเป้าหมายของราคาทองคำในช่วงปี 2019 จะอยู่ระดับ 1,300 เหรียญ ตามมาด้วยระดับ 1,400 เหรียญสำหรับปี 2020
ในรายงานของ Capital Economics ได้ระบุว่า ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ที่ราคาทองคำสามารถปรับขึ้นได้ถึง 50 เหรียญนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและเป็นการตั้งฐานสำหรับทิศทางต่อไปในอนาคตของทองคำ ซึ่งปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นมาได้ คือความสนใจในทองคำที่เริ่มกลับเข้ามา หลังเฟดมีสัญญาณว่าจะสิ้นสุดการคุมเข้มทางการเงินในอนาคตอันใกล้นี้