· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ท่ามกลางแรงกดดันจากความกังวลของตลาดที่เกิดจากการปรับร่วงลงของราคาน้ำมัน แรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้น และความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯอาจถูก Shutdown
โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 96.421 จุด หลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดเมื่อคืนที่ 96.168 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวันที่ 20 พ.ย. สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ ดัชนีอ่อนค่าลงมาประมาณ 1%
ขณะที่ค่าเงินเยนได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven ส่งผลให้แข็งค่าลงมา 1% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 111.415 เยน/ดอลลาร์ โดยทำระดับแข็งค่าสุดเมื่อคืนที่ 110.815 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าที่สุดของเงินเยนนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. เทียบกับในช่วงต้นสัปดาห์ที่ค่าเงินเคลื่อนไหวบริเวณ 113.00 เยน/ดอลลาร์
สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับขึ้นมาบริเวณ 2.804% จากเมื่อคืนนี้ที่เคลื่อนไหวแถวระดับ 2.748% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของช่วงต้นเดือน เม.ย.
ส่วนค่าเงินยูโรปรับแข็งค่า 0.05% บริเวณ 1.1449 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่เมื่อวานนี้แข็งค่าขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1.1486 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นได้ 1.4%
· EUR/USD Technical Analysis: ทิศทางขาขึ้นยังคงอยู่ หลังค่าเงินทรงตัวเหนือ $1.1400
ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงมาในช่วงตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ แต่สามารถทรงตัวเหนือระดับ $1.1400 ได้ก่อนที่จะรีบาวน์กลับขึ้นบริเวณ $1.1450
ดังนั้นมุมมองในระยะสั้นจึงดูสนับสนุนไปทางทิศทางขาขึ้น และมีแนวโน้มที่ค่าเงินจะขึ้นทดสอบระดับ $1.1500 อีกครั้ง แต่ก่อนหน้านั้น ค่าเงินจะเจอกับแนวต้านที่ระดับ $1.1465 และ $1.1480 โดยค่าเงินจะถูกมองเป็นทิศทางขาขึ้นในระยะสั้น หากยังยืนเหนือระดับ $1.1420 ได้ แต่ถ้าอ่อนค่าหลุดระดับ $1.1385 ลง ค่าเงินก็อาจจะปรับร่วงลงต่อและเข้าสู่การปรับฐาน
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมแต่งตั้งให้นายโจเซฟ ออทติ้ง ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าหน่วยควบคุมกำกับดูแลค่าเงิน หลังจากที่หัวหน้าคนก่อนถูกฟ้องร้องในข้อหาล่วงละเมิดลูกน้องของตน และจะออกจากตำแหน่งในเดือน ม.ค. นี้
· รายงานจาก Reuters ระบุว่า ปริมาณสินค้าคงคลังในสหรัฐฯอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี
ทั้งนี้ เป็นเพราะว่าบรรดาผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อสินค้านำเข้าจากจีนด้วยปริมาณที่มากขึ้นในสินค้าเกือบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น เตาไมโครเวฟ เครื่องดูดฝุ่น ชุดว่ายน้ำ เฟอนิเจอร์ จึงส่งผลให้ปริมาณสินค้ากองรวมกันเกือบทะลุเพดานโกดังสำหรับบรรดาผู้นำเข้าในสหรัฐฯกว่า 250,000 ราย
นอกจากนี้ รายงานจาก National Retail Federation (NRF) ยังแสดงให้เห็นว่า ปริมาณนำเข้าสินค้าผ่านทางท่าเรือหลักๆในสหรัฐฯมีเพิ่มขึ้นถึง 13.6% แตะระดับ 2.04 ล้านคอนเทนเนอร์ ในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา จึงยิ่งทำให้ยอดขาดดุลการค้ากับจีนของสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
· พรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ มีการลงมติผ่านร่างงบประมาณสำหรับการก่อสร้างกำแพงชายแดนระหว่างสหรัฐฯ-เม็กซิโก เป็นมูลค่า 5 พันล้านเหรียญ ตามคำเรียกร้องของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ภาครัฐจะมีความเสี่ยงที่อาจถูก Shutdown ลงบางส่วนในช่วงสุดสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ทางวุฒิสภาสหรัฐฯมีแนวโน้มสูงที่จะโหวตปฏิเสธร่างงบประมาณฉบับดังกล่าว ก่อนหน้าที่ร่างนโยบายฉบับก่อนที่กำลังจะหมดอายุลงภายในเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาถอนกองกำลังทหารออกเป็นจำนวน 5,000 นาย จากทั้งหมด 14,000 นาย ที่สังกัดอยู่ในอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความอดทนของนายทรัมป์ที่มีต่อสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯเริ่มที่จะหมดลงแล้ว
· รัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมด้วยประเทศพันธมิตร 3 ประเทศ กล่าวโทษรัฐบาลจีนว่าเป็นผู้หนุนหลังกรณีการจารกรรมทางเศรษฐกิจและข้อมูลที่เป็นความลับของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมไปถึงข้อมูลสำคัญของบรรดาผู้ประกอบการทั่วโลก
โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทางหสรัฐฯได้มีการจับกุมนาย Zhu Hua และ นาย Zhang Jianguo ในข้อหาลักลอบเจาะเข้าระบบของกองทัพเรือสหรัฐฯ องค์กร NASA และกระทรวงพลังงาน รวมถึงบริษัทอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจารกรรมข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญา
· อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคพื้นฐานรายปีของญี่ปุ่นชะลอตัวลงในเดือน พ.ย. ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าบีโอเจจะยังคงการดำเนินนโยบายกระตุ้นการเงินเอาไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ห่างจากระดับเป้าหมาย
ข้อมูลดังกล่าวยิ่งตอกย้ำถึงถ้อยแถลงของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าบีโอเจ ที่กล่าวว่า บีโอเจยังเปิดกว้างต่อแนวคิดเพิ่มมาตรการกระตุ้นการเงิน หากเศรษฐกิจยังคงปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก
ทั้งนี้ ดัชนี CPI พื้นฐานรายปีของญี่ปุ่นปรับสูงขึ้นแตะระดับ 0.9% ในเดือน พ.ย. ต่ำกว่าระดับในเดือน ต.ค. ที่ 1.0% และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.0%
· รัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อนุมัติงบประมาณเป็นมูลค่า 9 แสนล้านเหรียญ สำหรับปีงบประมาณถัดไป โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดจะการปรับขึ้นอัตราภาษีเงินเพิ่ม ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการดำเนินนโยบายปฏิรูปการเงินของญี่ปุ่นเริ่มที่จะชะลอตัวลง
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ร่วงลงไป 5% ในช่วงก่อนหน้านี้ ท่ามกลางกลุ่มโอเปกที่ส่งสัญญาณจะเริ่มปรับลดกำลังการผลิตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนหน้า
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 0.5% ที่ระดับ 54.62 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.7% ที่ะรดับ 46.22 เหรียญ/บาร์เรล
\
Thai
Eng