• ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในลักษณะสะสมพลัง ขณะที่ภาพรายสัปดาห์ถือเป็นการอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 10 เดือน ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะ Shutdown ของรัฐบาลสหรัฐฯ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่หนุนความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Commerzbank ระบุว่า ตลาดกำลังให้ความสนใจไปยังสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเสี่ยงจากความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะซบเซา และทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่กำลังกดดันค่าเงินดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 96.69 จุด แต่ภาพรวมรายสัปดาห์ดิ่งลงไป 1.2% ซึ่งเป็นระดับรายสัปดาห์ที่ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ก.พ.
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดรอบ 7 ปีที่ทำไว้ในเดือนพ.ย. ที่ 3.2% โดยปัจจุบันอ่อนตัวมาที่ 2.8%
มีการปิดสถานะ Long ในค่าเงินดอลลาร์ออกบางส่วน ท่ามกลางการดำเนินนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ลดน้อยลงประกอบ ขณะที่ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นอีก 0.08% ที่ระดับ 111.37 เยน/ดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven
ขณะเดียวกัน ข่าวที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯปฏิเสธที่จะลงนามร่างกฎหมายงบประมาณ เว้นแต่เขาจะได้รับวงเงินเพื่อสร้างกำแพงพรมแดนก็ดูจะสร้างความเสี่ยงให้หน่วยงานภาครัฐบาลส่วนต้องปิดตัวลงในวันเสาร์ที่ผ่านมา
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.59% ที่ระดับ 1.1376 ดอลลาร์/โร โดยเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดรอบ 1 เดือนครึ่งที่ทำไว้วันก่อนหน้าบริเวณ 1.1486 ดอลลาร์/ยูโร และส่งผลให้ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับขึ้นได้ประมาณ 1.4% ทางด้านค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.21% มาที่ 1.2628 ดอลลาร์/ปอนด์
• รายงานจากสำนักข่าว Wall Street Journal ระบุว่า ที่ปรึกษานายทรัมป์ มีการหารือกันเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับการจัดการประชุมระหว่างนายทรัมป์ กับนายโพเวลล์ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากไม่นานมานี้ นายทรัมป์มีการกล่าววิพากษ์วิจารณ์การที่เฟดดำเนินนโยบายขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯรวมทั้งตราสารหนี้เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
• แหล่งข่าววงใน เผยกับทางรอยเตอร์สว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการหารือส่วนตัวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะปลด นายเจอโรม โพเวลล์ ออกจากตำแหน่งประธานเฟด และข่าวดังกล่าวได้ส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวน
• นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า นายทรัมป์ ไม่เคยต้องการจะไล่นายพเวลล์ออกจากดำรงำแหน่งประธานเฟด และเขาไม่เชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกที่จะไล่นายโพเวลล์ออก
• เมื่อวานนี้ถือเป็นวันที่สองของการปิดการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หรือการ Shutdown บางส่วน และต้องรออย่างน้อยจนถึงหลังวันคริสต์มาส หรืออาจเป็นหลังวันปีใหม่ ที่รัฐสภาสหรัฐฯ และประธานาธิบดีทรัมป์ จะกลับมาเจรจากันเพื่อหาทางออกเรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ อีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่ทำให้ร่างงบประมาณชั่วคราวไม่สามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ทันกำหนดเส้นตายในเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา คือ งบประมาณเบื้องต้น 5.7 พันล้านดอลลาร์ สำหรับการก่อสร้างกำแพงตามแนวพรมแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก ซึ่งเป็นนโยบายที่นายทรัมป์ ได้ทำการรับปากไว้กับกลุ่มผู้สนับสนุนเขา ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี
• เมื่อวานนี้นายทรัมป์ กล่าวว่าการหาผู้มาดำรงตำแหน่งแทน นายจิม แมททิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมที่ยื่นจดหมายลาออกนั้นน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วง 2 เดือนนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ โดยเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวเผยว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวของนายแมททิสได้ส่งผลให้นายทรัมป์รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก และมีการตำหนิแนวทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศของนายแมททิส
• รัฐบาลอิตาลีได้รับชัยชนะในการลงมติความเชื่อมั่นต่องบประมาณปี 2019 ภายใต้วุฒิภาเมื่อวานนี้ และทำให้แผนงบประมาณดังกล่าวสามารถได้รับการอนุมัติได้ก่อนกำหนดเส้นตายในช่วงสิ้นปีนี้
• ราคาน้ำมันดิบเผชิญแรงเทขายตลอดสัปดาห์ที่ป่านมา และทำให้ภาพรวมของราคารายสัปดาห์ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 3 ปี ท่ามกลางภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดโลกและกลุ่มผู้ซื้อชะลอการซื้อขายก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาล
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวลง 29 เซนต์ ที่ระดับ 45.59 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ ม.ค. ปี 2016 ขณะที่ราคาช่วงต้นตลาดทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือน ก.ค. 2017 ที่ 45.13 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลง 40 เซนต์ ที่ระดับ 53.95 เหรียญ/บาร์เรล โดยปิดปรับขึ้นได้หลังลงไปทำ Low สุดรอบ 15 เดือนครึ่ง ที่ระดับ 52.79 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลางราคารายสัปดาห์ที่ร่วงลงไปกว่า 10%
• รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า กลุ่มโอเปคและชาติพันธมิตรพร้อมที่จะจัดประชุมเพื่อดำเนินการต่อสิ่งที่จำเป็นหากการปรับลดกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันไม่เพียงพอต่อการรักษาสมดุลตลาดในปีหน้าได