• ราคาทองคำมีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในเดือนธ.ค. และส่งผลให้มีคาดการณ์ที่ว่าทองคำจะยังได้รับอานิสงส์ในฐานะ Safe-Havenต่อในเร็วๆนี้ โดยภาพรวมทองคำปรับตัวได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์โดยไปทำระดับสูงสุดแถว 1,269 เหรียญ ขณะที่รายงานผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics กล่าวว่า ช่วงสิ้นปี 2019 ราคาทองคำจะมีระดับเป้าหมายที่ 1,300 เหรียญ และขยับขึ้นได้ 1,400 เหรียญในช่วงสิ้นปี 2020
ทั้งนี้ กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ให้เหตุผลต่อมุมมองเชิงบวกของราคาทองคำ โดยระบุว่า กลุ่มนักลงทุนกำลังให้ความสนใจในทองคำเนื่องจากเฟดลดท่าทีคุมเข้มทางการเงินลงไป และมีโอกาสเห็นเฟดยุติการขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงกลางปีหน้า ขณะที่ปี 2020 ดูเหมือนเฟดน่าจะทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดให้น้ำหนักแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในปัจจุบัน และนั่นจะเป็นปัจจัยที่เราน่าจะเห็นทองคำปรับขึ้นได้ช่วงสิ้นปีหน้า
นอกจากนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ให้ความสำคัญไปยังการอ่อนค่าของดอลลาร์ที่ถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของทองคำปีหน้า แม้ว่าจะเป็นปัจจัยกดดันทองคำขาลงมาโดยตลอดปีนี้ก็ตาม ขณะที่กองทุนETF ถูกคาดว่าจะมีปริมาณการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 80 ล้านออนซ์
• เนื่องจากเมื่อวานนี้เป็นวันหยุดคริสต์มาสส่งผลให้กองทุน SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 774.14 ตัน
• นักวิเคราะห์จาก Commerzbank มีแนวโน้มจะแข็งแกร่งในปีหน้า ควบคู่กับคาดการณ์ที่ว่าราคาพลาเดียมที่จะปรับตัวขึ้น โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยทองคำปีหน้าจะอยู่ที่ 1,250 เหรียญในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีหน้า แต่มีโอกาสขยับขึ้น 1,300 เหรียญในไตรมาสที่ 3 และช่วงสิ้นปีหน้าจะมีระดับราคาเฉลี่ยที่ 1,350 เหรียญ
• Commerzbank ยังมองว่า ราคาซิลเวอร์มีราคาเฉลี่ยที่ 14.50 เหรียญในช่วงไตรมาสแรก ขณะที่ไตรมาสที่ 2 จะมีระดับราคาที่ 15 เหรียญ และ 15.50 เหรียญในไตรมาสที่ 3
• นักวิเคราะห์ FXStreet มองว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันขาลง โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า จากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของสหรัฐฯที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ต้องติดตามอุปสงค์ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลงในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ดูบรรเทาลงไป และตลาดกลับมาให้ความสนใจต่อทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดปีหน้าว่าจะเดินหน้าอย่างไรเมื่อมีกระแสคาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงได้ และนั่นทำให้ทองคำ ณ ปัจจุบันสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย MA ราย 200 วันที่ 1,257 เหรียญ
สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนราคาทองคำปีหน้า ได้แก่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกลับสู่ระดับเชิงลบ ซึ่งถึงแม้ว่าทองคำจะตอบรับได้ดีกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมากกว่าเรื่องดอกเบี้ย แต่เงินเฟ้อก็อาจขึ้นได้เหนือดอกเบี้ย หากว่าสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตึงเครียดขึ้น และนั่นดูจะทำให้ทองคำมีสภาวะที่สดใส ขณะที่เรื่องต่อมาเป็นเรื่องของกระแสเงินที่ไหลเข้าสู่สหรัฐฯที่ดูเม็ดเงินจะกลับสู่ตลาดทองคำและทำให้ทองคำปรับขึ้น และเรื่องสุดท้ายคือ การที่ทองคำถูกเข้าซื้อเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากสภาวะผันผวนของตลาด โดยเฉพาะตลาดหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้แต่ค่าเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ยังมีความผันผวนอยู่