• สรุปภาพรวมตลาด
นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก ผลประกอบการบริษัทฯ และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลงท่ามกลางการอ่อนแอของตลาด โดยที่ตลาดน้ำมันเผชิญแรงเทขาย จึงทำให้ตราสารหนี้ปรับขึ้นและสร้างแรงกดดันให้แก่ค่าเงินดอลลาร์
ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าขึ้นไปที่ 110.56 เยน/ดอลลาร์ หลังจากไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดที่ 110 เยน/ดอลลาร์ ทางด้านค่าเงินยูโรขยับแข็งค่าขึ้น 0.25% ที่ 1.1418 ดอลลาร์/ยูโร
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีทรงตัวที่ 2.747% หลังจากไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเม.ย. ที่ 2.733%
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เปิดขึ้น 1.35% ที่ระดับ 43.11 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ทรุดตัวลงไปกว่า 6.7% เมื่อวันจันทร์ ขณะที่ราคาทองคำเปิดมาใกล้ระดับสูงสุดรอบ 6 เดือน ที่ 1,270.25 เหรียญ
• นายทรัมป์กล่าวว่า การ Shutdown ของรัฐบาลสหรัฐฯจะคงอยู่ต่อไป จนกว่าเขาจะได้รับงบประมาณในการก่อสร้างกำแพงชายแดนตามที่เขาเรียกร้องเอาไว้
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวโจมตีเฟดอีกครั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยระบุว่าเฟดทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป เพราะพวกเขาคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเติบโตได้ดี แต่พวกเขาน่าจะเข้าใจได้ในอีกไม่นานนี้
นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังได้แสดงความเชื่อมั่นในภาคบริษัทของสหรัฐฯ โดยระบุว่าเป็นภาคบริษัทที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และกำลังมีผลประกอบการที่ดี ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีในการเข้ามาลงทุนกับภาคบริษัทของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี แม้ว่านายทรัมป์จะตำหนิการดำเนินงานของเฟด แต่ได้แสดงความเชื่อมั่นในตัวนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯ โดยระบุว่านายมนูชินเป็นบุคคลที่มีความสามารถและเฉลียวฉลาด หลังจากที่นายมนูชินได้มีการประชุมกับบรรดาผู้นำธุรกิจเพื่อหารือเกี่ยวกับการปรับร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
• รายงานการประชุมบีโอเจครั้งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า บรรดาสมาชิกบอร์ดบริหารบีโอเจมีความคิดเห็นแตกแยกกันออกไปเกี่ยวกับการคงเป้าหมายระดับผลตอบแทนพันบัตรไว้ใกล้ระดับ 0%
โดยสมาชิกบางส่วนมองว่าบีโอเจไม่ควรขยายกรอบการเคลื่อนไหวอัตราผลตอบแทนแทนพันบัตรให้กว้างขึ้น ขณะที่สมาชิกอีกส่วนมองว่าการดำเนินเช่นนั้นในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำจะทำให้บีโอเจสูญเสียความน่าเชื่อถือในการเดินหน้าผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวถึงระดับเป้าหมายที่ 2%
อย่างไรก็ตาม สมาชิกบอร์ดทั้ง 9 ต่างมีความเห็นตรงกันว่าคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษเอาไว้ก่อน พร้อมจะจับตาดูผลประทบของนโยบายที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบธนาคารในประเทศอย่างใกล้ชิด