• สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกอาจเลวร้ายลงหลังปีใหม่

    26 ธันวาคม 2561 | SET News

ความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯได้เป็นปัจจัยที่กดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับร่วงลงมาอย่างหนักในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ และตลาดหุ้นหลายแห่งก็กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางขาลง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มจะเลวร้ายลงไปอีกในปีใหม่นี้
ทั้งนี้ ตลาดจะเป็นภาวะขาลง หากมูลค่าของตลาดเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดลงมา 20ซึ่งดัชนี Nasdaq ได้เข้าสู่ช่วงตลาดขาลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนี S&P 500 ได้เข้าสู่ตลาดขาลงเมื่อวันจันทร์นี้ นอกจากนี้ ยังมีดัชนี DAXของเยอรมนี ดัชนี Shanghai Composite ของจีน และ ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่น ที่ต่างเข้าสู่ช่วงตลาดขาลงไปแล้ว

Mark Jolley นักกลยุทธ์จาก CCB International Securities ประเมินว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นยังคงมีอยู่ กล่าวคือเฟด ที่ยังคงมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อในปีหน้า แม้เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มชะลอตัวลงก็ตาม ซึ่งความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนก้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ลง

โดยนักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะมองสถานการณ์ไปในเชิงบวก เนื่องจากมีปัจจัยด้านลบมากมายเหลือเกิน และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดน่าจะมาถึงภายในปีหน้า โดยเรายังอยู่เพียงแค่ช่วงครึ่งแรกของตลาดขาลงเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะตามมาภายในปีหน้า  

 

เฟดจะเดินหน้าคุมเข้มต่อ

สำหรับ Mark Jolley ปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงต่อตลาดเครดิตมากที่สุด คือการที่เฟดคงคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีหน้าไว้ที่ 2 ครั้ง ซึ่งภาคบริษัทอาจประสบความยากลำบากในการชำระหนี้ และอาจทำให้บริษัทเหล่านั้นมีผลประกอบการที่น้อยลงหรืออาจถูกดาวน์เกรดลงมา ซึ่งหากภาคบริษัทอ่อนแอ โดยเฉพาะกับบริษัทรายใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีด้วยแล้ว ความอ่อนแอนั่นก็จะหลั่งไหลเข้ามาในตลาดหุ้น

นอกจากนี้ Vishnu Varathan หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์และกลยุทธ์จาก Mizuho Bank ยังมองว่า มุมมองเชิงบวกที่มีต่อจะยิ่งลดน้อยลงไปในปีหน้า เนื่องจากการคุมเข้มทางการเงินของเฟด หมายถึงจะมีปริมาณเงินสำหรับลงทุนที่ลดลง และโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าช้อนซื้อหุ้นก็จะยิ่งต่ำลงไปอีก เนื่องจากไม่มีความชัดเจนว่าหุ้นจะสามารถฟื้นตัวได้

 

ความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐฯ-จีน

Vasu Menon รองประธาน OCBC Bank กล่าวว่า ถึงแม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เกิดขึ้นจากการตอบโต้กันด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า จะได้รับการเจรจาและสงบศึกลงเป็นการชั่วคราวจนถึงเดือน มี.ค. ปี 2019 แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นยังไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้

ทั้งนี้ ความขัดแย้งทางการค้าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลกได้อย่างรุนแรง โดยจะเห็นตัวอย่างได้จาก กองทุน IMF ที่ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมองว่าการดำเนินการทางเศรษฐกิจใดๆจะถูกกดดันลงมาจากความขัดแย้ง

นอกจากนี้ ความไม่ชัดเจนดังกล่าวจะกดดันความเชื่อมั่นของตลาดไปอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จนกว่าจะมีความชัดเจนใดๆเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้า หลังข้อตกลงสงบศึกเป็นเวลา 90 วัน จะหมดอายุลงในเดือน มี.ค. 


ที่มา: CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com