ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์เมื่อคืนนี้ปรับแข็งค่าขึ้น 0.43% บริเวณ 96.967 จุด โดยยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ที่ระดับ 97.711 จุด เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา
ขณะที่สภาพคล่องของตลาดเมื่อคืนนี้ยังคงเบาบาง เนื่องจากตลาดบางส่วนยังคงปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส โดยตลาดอังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศสยังคงปิดทำการเมื่อคืน
• ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Oanda ระบุว่า ตลาดยังคงมีความกังวลจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การกล่าวโจมตีเฟดของนายทรัมป์, สงครามการค้า, การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน, ผลกระทบจากBrexit, การชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป, รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจเอง ภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้าจึงดูไม่ค่อยสดใสนัก
• ตลาดหุ้นและราคาน้ำมันต่างปรับตัวสูงขึ้นได้ในคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางความพยายามในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดโดยทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงแรงหนุนจากมูลค่าการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดของสหรัฐฯที่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง
โดยดัชนี MSCI ที่วัดมูลค่าของหุ้นทั่วโลกได้ปรับสูงขึ้น 2.57% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบทั้ง WTI และ Brent ต่างปรับสูงขึ้นเกือบ 8% ซึ่งเป็นการปรับสูงขึ้นรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. ปี 2016
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์จาก Mitsubishi UFJ ได้ระบุว่า เฟดเป็นผู้กุมกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดเพียงหนึ่งเดียว เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในภาวะ Shutdown บางส่วนไปจนถึงหลังช่วงปีใหม่ ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ยังคงไม่มีสัญญาณว่าจะสามารถคลี่คลายลงได้ง่ายๆ
• นายเควิน แฮสเซท ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ยืนยันว่าไม่มีความเสี่ยงที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด จะถูกปลดออกจากตำแหน่งแต่อย่างใด และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็มีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานของนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นการพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด ที่มีความกังวลเกี่ยวกับกรณีที่นายทรัมป์กล่าวโจมตีเฟดติดต่อกัน
• รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ทีมตัวแทนเจรจาการค้าจากสหรัฐฯจะเดินทางไปยังประเทศจีนในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 7 ม.ค. นี้ โดยผู้ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะเดินทางไป ได้แก่ นายเจฟฟรี่ แกริช รองตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ และนายเดวิด มัลพาส รองรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ
• บรรดาผู้นำด้านอุตสาหกรรมในเยอรมนีต่างเห็นพ้องกันว่า ปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงมากที่สุดสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีคือ การเจรจา Brexit และความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดจากนโยบาย‘America First’ ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ เยอรมนีมีแนวโน้มสูงที่จะประกาศอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับอ่อนแอที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากบรรดาผู้ส่งออกในประเทศเผชิญกับแรงกดดันในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ปริมาณอุปสงค์ในประเทศที่ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง น่าจะพอช่วยให้บรรดาผู้ประการสามารถขยายธุรกิจออกไปได้อยู่
• ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ ด้วยอัตราที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี โดยเป็นการรีบาวน์กลับขึ้นมาบางส่วนหลังจากที่ราคาปรับร่วงลงอย่างหนักสู่ระดับต่ำสุดของปี 2017 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +8.7% หรือ 3.69 เหรียญ ที่ระดับ 46.22 เหรียญ/บาร์เรล แต่ราคายังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดของเดือน ต.ค. ที่ 76 เหรียญ/บาร์เรล อยู่ถึง 40%
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด +8.0% หรือ 4.0 เหรียญ ที่ระดับ 54.47 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ปรับร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดของปี 2017 ที่ 49.93 เหรียญ/บาร์เรล ในช่วงตลาดก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก DrillingInfo ได้เตือนว่า ตลาดยังคงมีความกังวลกับภาวะอุปทานอยู่ในระดับสูง แต่การที่ราคารีบาวน์ขึ้นได้ เกิดจากการที่ตลาดมองว่าราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่ต่ำมากเกินไป โดยเฉพาะหากต่ำกว่าระดับ 45 เหรียญ/บาร์เรล ดังนั้น การรีบาวน์ขึ้นของราคาในครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าตลาดมีความเชื่อมั่นกลับมาแล้วแต่อย่างใด