• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 มกราคม 2562

    3 มกราคม 2562 | Economic News
\
·       ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.28% สู่ระดับ 96.551 จุด หลังจากที่ดัชนีดอลลาร์ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2018 นักวิเคราะห์ก็มีการคาดการณ์กันว่า ค่าเงินดอลลาร์จะถูกกดดันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจากโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ได้น้อยลง และนี่จะเป็นปัจจัยที่เข้ากดดันผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯด้วย โดยจะเห็นได้ว่าอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปี ร่วงลงมาที่ 2.63% ซึ่งเป็นระดัต่ำสุดในรอบเกือบปีที่ทำไว้เมื่อวานนี้

ตลาดรอคอย 4 ม.ค.นี้ เนื่องจากจะเป็นวันที่ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลง ณ ที่ประชุมแอตแลนต้า ที่อาจมีการกล่าวถึงควาามเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่กำลังก่อตัว ประกอบกับเงื่อนไขของตลาดการเงินที่ตึงตัว จึงมีแนวโน้มที่จะมีท่าทีผ่อนคลายในการใช้นโยบายการเงินมากขึ้น

ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.49% ที่ 1.2545 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 1.1364 ดอลลาร์/ยูโรในวันนี้ หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 1% หลังข้อมูลเศรษฐกิจภาคการผลิตในสเปน ฝรั่งเศส อิตาลี และเยอรมนีหดตัว

·       ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 ในช่วงต้นตลาดเอเชียบริเวณ 0.6776 ดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยภาพรวมวันนี้ขยับลง 0.59% ที่ 0.6943 ดอลลาร์ออสเตรเลีย

นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะสามารถกลับมาแข็งค่าได้อีกครั้งหากมีสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่มีกำหนดจะพูดคุยกันอีกครั้งในเดือนนี้

·       ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ โดยสามารถ Break แนวรับสำคัญทางเทคนิคได้ จึงยิ่งตอกย้ำถึงกลุ่มนักลงทุนที่กังวลต่อความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและหันกลับมาถือครอง Safe-Haven แม้ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวค่อนข้างเบาบางก็ตาม

สภาวะการเปลี่ยนถ่ายการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมาจากบริษัทฯ Apple Inc มีการหั่นผลประกอบการบริษัท จากความกังวลต่อภาวะอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลง ที่ส่งผลให้ยอดขายใน Q4 ที่ผ่านมาอาจชะลอตัวลงในประเทศ อันเป็นผลพวงจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของเอเชียและยุโรป

ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นอีก 1.4% ที่ระดับ 107.26 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ช่วงเช้าลงไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตัั้งแต่มี.ค. 2018 ที่ระดับ 104.96 เยน/ดอลลาร์ ก่อนจะมีการรีบาวน์กลับตามมา ขณะที่ระยะยาวนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ามีโอกาสเห็นเงินเยนแข็งค่าได้อีก

·       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าเขาได้รับจดหมายจากนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และมีความเป็นไปได้ที่ผู้นำทั้งสองอาจพบกันอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อเจรจากันต่อเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

·       การดำเนินการเป็นอันดับแรกของพรรคเดโมแครตที่กลับมาครองเสียงข้างมากในสภาล่าง คือการพยายามผลักดันร่างงบประมาณที่จะเข้ามาหยุดภาวะ Shutdown ของรัฐบาล โดยที่จะไม่มอบเงินสนับสนุนการก่อสร้างกำแพงชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องเอาไว้

อย่างไรก็ตาม หนทางของร่างงบประมาณดังกล่าวยังคงไร้ความชัดเจน หลังจากนายมิทช์ แมคคอนเนล หัวหน้าพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐฯ ประกาศกร้าวว่าทางวุฒิสภา จะไม่สนับสนุนร่างงบประมาณของพรรคเดโมแครต

·       ประเด็นใหญ่ต่อนักลงทุนช่วงนี้ หนีไม่พ้นเรื่องที่ นายทิม คุก ผู้บริหารบริษัท Apple Inc มีการหั่นคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ลงด้วยสู่ระดับ 8.4 หมื่นล้านเหรียญ ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 8.9 - 9.3 หมื่นล้านเหรียญ โดยบริษัทปรับลด Margin ที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 38-38.5% สู่ระดับ 38%

ทั้งนี้ ผู้บริหารบริษัทรายใหญ่ยังคงกล่าวตำหนิถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อผลกำไรของ iPhone ที่ออกมาน่าผิดหวัง และข่าวนี้ก็ได้กระตุ้นให้เกิดความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อันเป็นผลสะท้อนจากภาวะตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่บั่นทอนผลกำไรของภาคบริษัท

·       นายทิม คุก ประธานบริหารหรือ CEO จากบริษัท Apple กล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยแสดงความเชื่อมั่นว่าภาวะตึงเครียดทางการค้าที่กำลังดำเนินไประหว่างสหรัฐฯและจีนกำลังสร้างแรงกดดันให้แก่เศรษฐกิจจีน

และภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเผยแพร่ข้อความดังกล่าว ส่งผลให้ภาคส่วนเทคโนโลยีส่วนใหญ่ของจีนปรับตัวลง โดยเฉพาะหุ้นบริษัท Apple ที่ปรับตัวลงจนถึงช่วงเที่ยงวันนี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนมีการซื้อขายที่ลดลงถึง 0.487% ในตลาด Chinext Composite ขณะที่ใน Shenzhen Coposite และ Shenzhen Component ปรับตัวลงไป 0.454% และ 0.447% ตามลำดับ และดัชนีเสิ่นเจิ้นก็ยังคงเฝ้าจับตาไปยังสัญญาณจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิด

·       นายปีเตอร์ อัลธ์เมียร์ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าวว่า การที่อังกฤษถอนตัวออกจากอียูเป็นปัจจัยเสี่ยงร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ แม้ว่าเขาจะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวได้ก็ตามที

ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์ อังกฤษ เผยว่า ภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษในกลุ่มภาคบริษัทมียอดขายตกลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีเมื่อไตรมาสที่ 4/2018 ที่ผ่านมา

·       นายเดวิด เดวิส อดีตรัฐมนตรีกระทรวง Brexit แสดงความคิดเห็นว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ควรเลื่อนการลงมติข้อตกลง Brexit ภายในรัฐสภาออกไปก่อน เพราะว่า หากอังกฤษใช้เวลาเตรียมรับมือกับการถอนตัวออกจากอียูแบบ No-deal มากเท่าไหร่ ทางอียูก็มีแนวโน้มที่จะเสนอข้อตกลงที่ดีกว่าเดิมมากขึ้นเท่านั้น พร้อมแสดงความกังวลว่า หากอังกฤษยอมรับข้อสนเอจากอียู ทางอียูอาจเรียกเก็บค่าเสียหายเป็นเงินมูลค่ากว่า 3.9 หมื่นล้านปอนด์

·       ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงท่ามกลางความผันผวนของตลาดค่าเงินและตลาดหุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์มีการกล่าวเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับอุปทานน้ำมันที่กำลังเพิ่มขึ้นในตลาดโลก

น้ำมันดิบ WTI ปรับลงประมาณ 2% จากระดับปิดวานนี้ โดยลงมาอีก 93 เซนต์ ที่ 45.61 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 1.1% หรือขยับลง 60 เซนต์ ที่ 54.31 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com