ขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.07% เมื่อคืนวันศุกร์ และเช้านี้ค่อนข้างทรงตัวอยู่แถวบริเวณ 96.12 จุด
นักวิเคราะห์จาก Credit Agricole ระบุว่า ถ้อยแถลงของโพเวลล์ที่ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นนั้นเป็นการส่งสัญญาณเชิงระมัดระวังในการดำเนินนโยบาย จึงกดดันค่าเงินดอลลาร์และหนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่า ตลาดบางส่วนมีมุมมองว่านายโพเวลล์ไม่ได้มีท่าทีคุมเข้มทางการเงินมากเท่าใดนัก นั่นจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สูญเสียแรงหนุนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการรายงานตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งด้วยแล้ว
ทั้งนี้ ตลาดมีความเชื่อมั่นดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ยืนยันว่าจะจัดการเจรจาทางการค้าร่วมกับสหรัฐฯภายในวันที่ 7-8 ม.ค. นี้ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นหลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯยังแข็งแกร่งเกินคาด และทำให้ผลตอบแทนอายุ 10ปี ปรับขึ้นแตะ 2.627% ขณะที่ผลตอบแทนอายุ 30 ปีปรับขึ้นที่ 2.955% และผลตอบแทนอายุ 2 ปี ปรับขึ้นมาที่ 2.453%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผย ข้อมูลจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯปรับขึ้นเกินคาดในเดือนธ.ค. แตะ 312,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานปรับขึ้นมาที่ 3.9% ทางด้านอัตราค่าจ้างเฉลี่ยปรับขึ้นแตะ 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 11 เซนต์ระหว่างเดือนพ.ย. และ ธ.ค. ปีที่แล้ว ทำให้ข้อมูลเดือนธ.ค. อัตราค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมงปรับขึ้นมาที่ 0.3%
· การประกาศตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ช่วยให้ตลาดผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯไปได้บางส่วน ขณะที่ทางนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะมีแนวทางการดำเนินนโยบายแบบ “ระมัดระวัง” และจะคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจในอนาคตอย่างใกล้ชิด
พร้อมกันนี้ นายโพเวลล์ยังได้ระบุว่า เฟดไม่ได้อยู่ในแนวทางดำเนินนโยบายแบบเดิมอีกต่อไป หลังจากที่เฟดได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2018 ถึง 4 ครั้ง และคาดการณ์สำหรับปีนี้เดิมไว้ที่ 2 ครั้ง
· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่งแม้หากถูกร้องขอจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะไม่ยอมรับการสื่อสารโดยตรงใดๆจากทำเนียบขาวที่ไม่พึงพอใจต่อแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และยันไม่มีการประชุมร่วมกับนายทรัมป์
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงยืนยันที่จะเรียกร้องงบประมาณในการก่อสร้างกำแพงชายแดนเป็นเงินจำนวน 5 พันล้านเหรียญไว้ดังเดิม แต่ได้ส่งสัญญาณว่ากำแพงอาจถูกสร้างโดยใช้เหล็กแทนคอนกรีต ซึ่งน่าจะขัดแย้งกับมุมมองของพรรคเดโมแครตที่ปฏิเสธจะให้การสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว
ทั้งนี้ นายทรัมป์ได้กล่าวข่มขู่รัฐสภาอีกครั้ง ว่าจะประกาศให้สหรัฐฯเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินเพื่อให้สามารถสร้างกำแพงได้ แต่ไม่ได้ให้หลักฐานที่ชัดเจนว่างบประมาณในการก่อสร้างนั้นจะมาจากที่ใด ซึ่งโอกาสที่นายทรัมป์จะประกาศภาวะฉุกเฉินหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ผลของการเจรจาในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
· นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังได้กล่าวถึงการเจรจาทางการค้าร่วมกับจีน โดยระบุว่าการเจรจาสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้น หลังมีการกำหนดการหารือระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่รายงานจากสหรัฐฯที่ว่าสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นก็ยังเป็นปัจจัยที่จำกัดการขึ้นของน้ำมันอยู่
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.11 เหรียญ คิดเป็น +2% ที่ 57.06 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 87 เซนต์ คิดเป็น +1.9% ที่ 47.96 เหรียญ/บาร์เรล