· ดาวโจนส์ปิดพุ่งแรง 746.94 จุด คิดเป็น +3.3% ที่ 23,433.16 จุด และบางช่วงของวันปรับขึ้นได้กว่า 800 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด +3.4% ที่ 2,531.94 จุด จากหุ้นเทคโนโลยีที่ปรับขึ้นไปกว่า 4% ขณะที่ Nasdaq ปิด +4.6% ที่ 6,738.86 จุด โดยรีบาวน์กลับจากที่ร่วงหนักตามหุ้นบริษัทแอปเปิ้ล
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับปัจจัยบวก 2 เรื่อง คือ ช่วงต้นได้รับอานิสงส์จากข้อมูลจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯเดือน ธ.ค. ที่ปรับขึ้นเกินคาดแตะ 312,000 ตำแหน่ง ขณะที่ประธานเฟด ระบุว่า เฟดจะอดทนรอต่อแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยที่เข้มงวด
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับขึ้นตามข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ประกอบกับข่าวที่สหรัฐฯและจีนจะเดินหน้าเจรจาทางการค้ากันในสัปดาห์นี้ โดยดัชนี Stoxx600 ปิด +2.8% จากหุ้นกลุ่มหลักที่ทะยานขึ้นแดนบวก นำโดยดัชนี DAX ของเยอรมนีที่ปิด +3.3% ขณะที่ FTSE100 ของอังกฤษปิด +2.2%
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานตอบรับกับถ้อยแถลงที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯและจีนจะเดินหน้าเจรจาทางการค้าร่วมกันในวันที่ 7-8 ม.ค.นี้
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนบวก โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงเชิงผ่อนคลายทางนโยบายการเงินจากประธานเฟด และตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ จึงช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดที่มีต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกลงไปได้บางส่วน
นอกจากนี้ ตลาดกำลังจับตาดูผลลัพธ์ในเชิงบวกที่จะเกิดกับตลาด หลังธนาคารกลางจีนปรับลดเพดานการถือครองสินทรัพย์สำรองสำหรับธนาคารพาณิชย์ (Required Reserve Ratio) ซึ่งจะทำให้ภาคธนาคารสามารถปล่อยเงินกู้ได้มากขึ้นประมาณ 1.16 แสนล้านเหรียญ
ทั้งนี้ ตลาดกำลังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่จะเริ่มต้นขึ้นภายในวันนี้เป็นวันแรก
ทางด้านดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เช้านี้เปิด +0.7% ขณะที่ดัชนี Nikkei เปิด +3.1% และ ดัชนี Kospi เปิด +1.5%
· ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ ไว้ระหว่าง 31.80-32.30 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยตลาดรอติดตามประเด็นความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน สัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และสถานการณ์ชัตดาวน์ของสหรัฐฯ
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ดัชนี ISM ภาคบริการ และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค.61 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลอดจนบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 18-19 ธ.ค.61 ขณะที่ข้อมูลสหรัฐฯ ที่ประกาศโดย US Census Bureau ยังคงเลื่อนกำหนดการประกาศออกไป
· รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกระแสข่าวเลื่อนการเลือกตั้ง ส.ส.ออกไปจากเดิมที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.62 ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งแม้กระแสข่าวดังกล่าวจะเป็นปัจจัยกระทบต่อการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยประกอบด้วยเช่นกัน และตามปกติเมื่อหุ้นมีขึ้นก็ต้องมีลง ดังนั้นจึงไม่น่ากังวล ขณะที่รัฐบาลได้ดูแลสถานการณ์ต่างๆ ของประเทศอย่างต่อเนื่อง
· รัฐบาลและกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่สามารถปักหมุดวันเลือกตั้งได้ และอาจจะต้องเลื่อนการเลือกตั้ง-ขยับโรดแมปออกไป หลังวันที่ 24 ก.พ. 2562 อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 5 เพราะโรดแมปเก่า “คาบเกี่ยว-ทับซ้อน” กับกระบวนการเตรียมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกระหว่างวันที่ 4-6 พ.ค. 62