· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ท่ามกลางบรรดานักลงทุนที่กำลังจับตาความเคลื่อนไหวของการเจรจาการค้าระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯและจีนด้วยมุมมองเชิงบวก
โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +98.18 จุด ที่ระดับ 23,531.35 จุด แต่ระหว่างการซื้อขายดัชนีมีการแกว่งตัวค่อนข้างสูง โดยมีการปรับลดลงไปมากถึง 131.57 จุด ก่อนที่จะปรับสูงขึ้นมาได้ 254.58 จุด สำหรับดัชนี S&P 500 ปิด +0.7% ที่ระดับ 2,549.69 จุด นำโดยภาคอุปโภคบริโภคที่ปรับสูงขึ้นได้ 2.36% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิด +1.26% ที่ระดับ 6,823.47 จุด นำโดยหุ้น Amazon ที่ปรับสูงขึ้นกว่า 3%
นักวิเคราะห์จาก Spartan Capital Securities ประเมินว่า ตลาดหุ้นยังคงมีแรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯที่แข็งแกร่งอยู่ แต่ตลาดน่าจะมีความผันผวนค่อนข้างสูงตราบใดที่การเจรจาการค้ายังคงดำเนินอยู่ โดยหากมีสัญญาณเชิงบวกใดๆเกี่ยวกับการเจรจา ตลาดหุ้นก็มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Baird ประเมินว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าความผันผวนในตลาดหุ้นได้หมดสิ้นไปแล้ว อีกทั้งโอกาสที่ตลาดหุ้นจะฟื้นตัวกลับมาเป็นขาขึ้นก็ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากยังไร้ความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาการค้า รวมทั้งเศรษฐกิจโลกก็ยังคงอยู่ในทิศทางชะลอตัว ขณะที่ตลาดหุ้นก็กำลังรอการรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทในไตรมาสที่ 4/2018 ที่น่าจะมีการรายงานในเร็วๆนี้
· ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เปิดในแดนบวก ท่ามกลางตลาดที่กำลังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯและจีน ที่จะดำเนินต่อภายในวันนี้
โดยดัชนี Nikkei ของญีปุ่นเปิด +0.93% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด +0.7% ท่ามกลางกลุ่มหุ้นส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก ขณะที่หุ้น Nissan กลับเปิด -0.3% แม้ภาพรวมตลาดจะเป็นไปในทางบวกก็ตาม เนื่องจากนายคาลอส โกส์น อดีตประธาน Nissan จะมีการขึ้นรายงานตนต่อศาลญี่ปุ่นภายในวันนี้ หลังจากที่ถูกจับกุมเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องด้วยข้อหาฉ้อโกง
สำหรับดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ เปิดลดลงเล็กน้อยในเช้านี้ นำโดยหุ้น Samsung ที่ปรับลดลง 0.77% หลังบริษัทฯได้ประกาศคาดการณ์ผลประกอบการรายไตรมาสที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 31.90-32.05 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ตลาดจะให้ความสนใจไปยังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนในวันที่ 7-8 มกราคม รายงานการประชุมเฟดและตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปี 61 จะสามารถขยายตัวได้ในระดับ 4.0-4.2% อย่างแน่นอน ซึ่งเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยหลายตัวเริ่มดีขึ้น ทั้งการเบิกจ่าย การท่องเที่ยวในจังหวัดสำคัญกลับมาฟื้นตัว รวมทั้งการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ขยายตัวถึง 100%
Thai
Eng