ทั้งนี้ การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯที่ออกมาแข็งแกร่งเกว่าที่คาดเมื่อคืนวันศุกร์ ดูเหมือนจะไม่ช่วยให้ความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังชะลอตัวจางหายไปแต่อย่างใด
ดัชนีดอลลาร์ ในช่วงต้นตลาดเมื่อคืนนี้ปรับอ่อนค่าลง 0.54% ที่บริเวณ 95.66 จุด ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 95.68 จุด
ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.76% ที่บริเวณ 1.1478 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินสวิตฟรังก์แข็งค่า 0.72% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 0.9791 ฟรังก์/ดอลลาร์
· นักวิเคราะห์ FX จาก Scotiabank ระบุว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดที่กล่าวว่าทางเฟดจะมี “ความยืดหยุ่น” และจับตาการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด เป้นการส่งสัญญาณต่อตลาดว่าการคุมเข้มทางนโยบายการเงินของเฟดอาจจะชะลอหรือหยุดลงภายในช่วงเดือนข้างหน้า
โดยตลาดเริ่มมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้แม้แต่ครั้งเดียว และมีโอกาสเล็กน้อยมีเฟดอาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในช่วงต้นปี 2020
· ขณะที่ตลาดการเงินยังคงจับตาความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯและจีนที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ และจะดำเนินต่อภายในวันนี้ โดยตลาดค่อนข้างมีมุมมองไปในเชิงบวกต่อาการเจรจาครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเจรจาอย่างตรงไปตรงมาครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศตกลงที่จะสงบศึกการค้าลงเป็นเวลา 90 วันเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับสูงขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางตลาดที่กำลังเฝ้ารอผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมทั้งแรงหนุนจากการรายงานตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งและถ้อยแถลงของประธานเฟดเมื่อวันศุกรที่ผ่านมา
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับสูงขึ้น 0.014% บริเวณ 2.68 % ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับสูงขึ้นมาบริเวณ 2.983 %
· รายงานจากทำเนียบขาวระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้มีการพูดคุยกับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ผ่านทางโทรศัพท์ โดยได้มีการเจรจาเกี่ยวกับการลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกับอินเดีย รวมทั้งการเพิ่มความร่วมกันในพื้นที่อัฟกานิสถาน
· นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ระบุว่า นายทรัมป์ยังคงไม่ได้ตัดสินใจว่าจะประกาศให้สหรัฐฯเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้นายทรัมป์ได้เคยข่มขู่ว่าจะประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้เขาสามารถสั่งดำเนินการก่อสร้างกำแพงได้โดยไม่จำเป็นต้องรอการอนุมัติการรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายระบุว่า หากนายทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งการก่อสร้างกำแพง นายทรัมป์ก็อาจถูกฟ้องร้องได้ แม้จะไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าการฟ้องร้องจะลงเอยด้วยผลลัพธ์แบบใดก็ตาม แต่มีแนวโน้มที่การฟ้องร้องจะกดดันอำนาจในการบริหารของนายทรัมป์ รวมทั้งอาจยืดเยื้อออกไปจนถึงปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้ง
· รายงานจาก Reuters ระบุว่า ทางคณะกรรมการอียูกำลังหารือเกี่ยวกับวิธีที่จะช่วยเรียกเสียงสนับสนุนให้กับนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จากภายในรัฐสภาอังกฤษ เกี่ยวกับการลงมติข้อตกลง Brexit แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในข้อตกลงดังกล่าวแต่อย่างใด
· นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เดินทางมาเยือนประเทศจีนในช่วงเช้าวันนี้ ตามคำเชิญชวนของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ขณะที่การเตรียมการจัดการประชุมร่วมกันระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและผู้นำสหรัฐฯเป็นครั้งที่ 2 ยังคงดำเนินต่อไป
ขณะที่รายงานจากสำนักข่าว Xinhua ได้ยืนยันว่า นายคิมจะพักอยู่ในประเทศจีนตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีนี้ แต่ไม่ได้ระบุว่าจุดประสงค์การเดินทางมาเยือนครั้งนี้คืออะไร
· ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยเป็นการปรับสูงขึ้นต่อเนื่องจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ท่ามกลางแรงหนุนจากการปรับลดลกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและตลาดหุ้นที่เริ่มมีความผันผวนลดลง
โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิด +0.56 เหรียญ หรือ +1.2% ที่ระดับ 48.52 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิด +0.27 เหรียญ หรือประมาณ +0.5% ที่ระดับ 57.33 เหรียญ/บาร์เรล