• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 8 มกราคม 2562

    8 มกราคม 2562 | Economic News
\
·       ค่าเงินดอลลาร์เริ่มชะลอการฟื้นตัวภายในวันนี้ ท่ามกลางบรรดานักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อยๆว่าเฟดจะไม่ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจน

โดยค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเงินเยน ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาบริเวณ 95.80 จุด โดยระหว่างวันทำระดับต่ำสุดที่ 95.68 จุด

นักวิเคราะห์จาก Bank of Singapore มีมุมมองว่า เฟดยอมรับฟังเสียงของตลาดมากขึ้น ประกอบกับการที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังค่อนข้างทรงตัวอยู่ จึงเปิดช่องให้เฟดสามารถพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

·       นักวิเคราะห์จาก Rabobank มองโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นี้ ไว้ที่ 0% ขณะที่โอกาสขึ้นดอกเบี้ยในเดือน พ.ค. อยู่ที่ 2% ส่วนเดือน มิ.ย. ที่ 6.9% และในช่วงปลายปี 2019 ที่ 5%

ในอีกมุมมองหนึ่ง นักวิเคราะห์มองโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ไว้ที่ 2.9% ขณะที่โอกาสในเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 2.7% ส่วนเดือน ธ.ค. อยู่ที่ 27.9%

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนที่ผ่านมา นักวิเคราะห์มองว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ไว้ที่ 87.4% และในเดือน ธ.ค. ไว้ที่ 94% ส่วนโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 0%

·       นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ได้เพียงครั้งเดียว เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ประกอบกับความเชื่อมั่นของบรรดาผู้ประกอบการที่อยู่ในระดับอ่อนแอ

นอกจากนี้นายบอสติกยังมองว่า อีกปัจจัยความเสี่ยงหนึ่งของเศรษฐกิจ คือภาวะ Shutdown ของรัฐบาลสหรัฐฯที่ยังคงยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 17

·       ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.2% บริเวณ 1.1448 ดอลลาร์/ยูโร หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 1.1485 ดอลลาร์/ยูโร โดยค่าเงินสามารถปรับแข็งค่าติดต่อกัน 3 ช่วงตลาดขึ้นมาได้ประมาณ 1.3% ได้ ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านี้  

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก BKX Asset Management ยอมรับว่าการแข็งค่าของค่าเงินยูโรเมื่อไม่นานมานี้ เป็นเรื่องที่ผิดคาดมาก และประเมินว่า หลังจากที่ค่าเงินยูโรได้เคลื่อนไหวในลักษณะสะสมพลังไม่เกิน 200 pip ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จึงมีแนวโน้มสูงที่ค่าเงินจะเกิดการ Breakout ได้ในเร็วๆนี้

·       ด้านค่าเงินปอนด์อังกฤษค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 1.2787 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยตลาดคาดการณ์ว่าค่าเงินน่าจะเคลื่อนไหวแบบทรงตัวไปจนกว่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็น Brexit

โดยรัฐสภาอังกฤษมีกำหนดการจะลงมติข้อตกลง Brexit ภายในวันที่ 14 ม.ค. นี้ ขณะที่โอกาสที่รัฐสภาจะโหวตสนับสนุนข้อตกลง Brexit ของนางเทรเซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ หลังพรรค DUP ซึ่งเป็นพรรคขนาดเล็กของไอร์แลนด์เหนือ ก็ได้ประกาศจะไม่ให้การสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวเช่นกัน

 ·       การปรากฏตัวของนายหลิว อี้ รองนายกรัฐมนตรีจีน ในที่ประชุมของบรรดาตัวแทนการค้าจากสหรัฐฯและจีนเมื่อวานนี้ เป็นสัญญาณเชิงบวกว่าทางรัฐบาลจีนอาจมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิดข้อตกลงทางการค้าร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งมุมมองเชิงบวกดังกล่าวก็ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมหลังจากที่นายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ คาดว่าทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มสูงที่จะหาข้อตกลงร่วมกันได้

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก JP Morgan มองว่าจะยังมีการบรรลุข้อตกลงที่สำคัญใดๆการเจรจาครั้งนี้ แต่ถ้ามีสัญญาณความคืบหน้าใดๆ แม้เพียงเล็กน้อย บรรดานักลงทุนก็มีแนวโน้มที่จะตอบรับไปในเชิงบวก

·       การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนในวันที่สองที่กำลังจะเริ่มต้น กลับถูกบดบังโดยการเดินทางมาเยือนประเทศจีนของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่เดินทางมาตามคำเชิญชวนของนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน

ขณะที่ทั้งทางจีนและสหรัฐฯ ยังคงไม่มีการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้าครั้งนี้ออกมาแต่อย่างใด

การเดินทางเยือนจีนของผู้นำเกาหลีเหนือครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยที่ไม่ถูกประกาศออกมาก่อนหน้าแม้แต่น้อย ขณะที่หลายฝ่ายๆกำลังพยายามผลักดันให้เกิดการประชุมร่วมกันโดยตรงระหว่างผู้นำสหรัฐฯและผู้นำเกาหลีเหนือเป็นครั้งที่ 2

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า จีนอาจมีการใช้เกาหลีเหนือที่เป็นประเทศพันธมิตรสำคัญของจีน เป็นเครื่องมือในการช่วยต่อรองกับสหรัฐฯในการเจรจาการค้า แต่นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งก็มองว่า การที่นายคิมเดินทางมาเยือนจีนตรงกับช่วงที่กำลังมีการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

·       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมกล่าวแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องการสร้างกำแพงชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ของสหรัฐฯในคืนนี้ช่วงเวลา 21.00 น.ตามเวลาประเทศไทย

การแถลงการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะ Shutdown ของรัฐบาลที่ล่วงเข้าสู่วันที่ 17 เนื่องจากบรรดาผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับงบประมาณสร้างกำแพงชายแดนเป็นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์

·       รายงานจากแคนาดาระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้มีการพูดคุยกันเมื่อคืนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียม แต่รายงานไม่ได้ระบุว่าสหรัฐฯจะมีแนวคิดยกเลิกมาตรการขึ้นภาษีดังกล่าวเมื่อไหร่

โดยเนื้อหาในรายงานระบุเพียงแค่ทั้ง 2 ผู้นำได้มีการเจรจาเพื่อ ยกระดับการแก้ไขปัญหาจากนโยบายภาษีไปอีกขึ้น” เท่านั้น และไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด 

·       การรายงานตนต่อศาลญี่ปุ่นในวันนี้ของนายคารอส โกส์น อดีตผู้บริหาร Nissan ที่ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกต่อสาธารณชนนับตั้งแต่ที่ถูกจับกุมโดยข้อหาฉ้อโกงเมื่อเดือน พ.ย. นายคารอสได้ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตน พร้อมอ้างว่าเขาถูกใส่ความ

·       บริษัท LG Electronics ของเกาหลีใต้ ระบุว่า ผลประกอบในไตรมาสที่ 4/2018 ของพวกเขามีแนวโน้มที่จะปรับลดลงมากถึง 80% จากช่วงไตรมาสที่ 4/2017 ซึ่งต่ำยิ่งกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ไม่ใช่แค่ LG เท่านั้นที่คาดการร์ว่าผลประกอบการจะย่ำแย่ลง แต่เมื่อเช้านี้ทาง Samsung ก็ได้ปรับคาดการร์ผลประกอบการในไตรมาสที่ 4/2018 ลงมาอยู่ที่บริเวณ 7.53 หมื่นล้านวอน (67.03 ล้านเหรียญ) แตกต่างกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 3.87 แสนล้านวอนโดยสิ้นเชิง  

ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ผลประกอบการในช่วงปลายปีของบริษัทรายใหญ่มีแนวโน้มที่จะถูกกดดันลงท่ามกลางการจ่ายเงินโบนัสให้กับลูกจ้าง รวมถึงการใช้งบประมาณไปกับโฆษณาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่

·       ราคาน้ำมันดิบทรงตัว โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกส่งผลให้ปริมาณอุปทานเริ่มตึงตัว

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 0.2% ที่ระดับ 57.42 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.1% ที่ระดับ 48.56 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com