· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ให้ความสนใจไปยังการเดินหน้าหารือเกี่ยวกับประเด็นทางการค้ากันต่อเป็นวันที่ 3 นอกเหนือจากกำหนดการที่วางไว้
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.6% ข๊ะที่ตลาดส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ครึ่ง ท่ามกลางตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นจากโอกาสเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ส่งช่วยบรรเทาภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.5% หลังจากการเดินหน้าหารือกันต่อเป็นวันที่ 3 นอกเหนือจากกำหนดการที่วางไว้
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ท่ามกลางสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นให้เหล่านักลงทุน จึงชดเชยการปรับลดลงของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับชิปหลังจากถูกกดดันจากรายงานของ Goldman Sachs ที่คาดการณ์ว่าปีที่ยากลำบากสำหรับผู้ผลิตชิปโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ Samsung Electronics Co Ltd ถูกคาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานจะลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 1.1% ที่ระดับ 20,427.06 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.7% ที่ระดับ 2,544.34 จุด
· พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขอให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งพิจารณาอย่างรอบคอบในการกำหนดวันเลือกตั้งให้เรียบร้อย มีความสอดคล้องกันทั้งกระบวนการจัดการเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง โดยคำนึงถึงช่วงเวลาของการจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษก การสอบ TCAS และ GAT-PAT ของนักเรียน และเรื่องอื่น ๆ ประกอบกัน ซึ่งทั้งหมดจะต้องยึดหลักประโยชน์ของประเทศชาติและความสงบสุขของประชาชนเป็นสำคัญ
· นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมว่า ในปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะมีทั้งปัจจัยบวก และปัจจัยลบ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ คือ เรื่องการเมือง ซึ่งมองว่า หากการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) สามารถเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะการลงนามในโครงการสำคัญ เช่น รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา เป็นต้น หากดำเนินการได้ก่อนการเลือกตั้ง เชื่อว่าจะส่งผลในเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ขณะที่ มาตรการกีดกันทางการค้าระหว่าง สหรัฐ-จีน อาจสร้างผลบวกต่อไทย เนื่องจากปัจจุบัน พบว่า นักลงทุนต่างชาติ เช่น เกาหลี จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ เป็นต้น มีความสนใจที่จะย้ายฐานเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะ 2 ประเทศเป้าหมาย คือ สหรัฐ และจีน เนื่องจากมีความกังวลเรื่องกำแพงภาษีที่จะส่งออกสินค้าไปจีนและสหรัฐ ทำให้ไทยเนื้อหอมโดยปริยาย
· นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 62 มีแนวโน้มชะลอตัว คาดขยายตัว 4-4.3% หลังส่งออก-ท่องเที่ยว เผชิญความเสี่ยงจากทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ จีน ชะลอตัว แต่ยังหวังให้การเลือกตั้งหนุนความเชื่อมั่นฟื้น ช่วยดันเศรษฐกิจขยายตัวเกิน 4.5%