MTS Help Center

·       ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางค่าเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 6.8 ต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส. ค. จึงช่วยหนุนตลาดหุ้นจีนหลังจากที่ร่วงลงไปในช่วงก่อนหน้านี้จากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอทำให้มีโอกาสที่รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ขณะที่ตลาดรอคอยข่าวที่เกี่ยวกับประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความหวังที่ว่าจะไม่เกิดสงครามทางการค้า

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นย 0.3% ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์

·       นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ภาพรวมสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลง จากข้อมูลทางเศรษฐกิจจีนที่ออกมาแย่ ท่ามกลางการชะลอนโยบายทางการเงินของเฟด การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีนที่เสร็จสิ้นลงไปพร้อมรายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับประเด็นทางการค้า และความหวังของนักลงทุนต่อความคืบหน้าได้รับผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย

·       ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดลบ หลังการแข็งค่าของเงินเยนในช่วงตลาดก่อนหน้า กระตุ้นให้บรรดานักลงทุนมีการเทขายทำกำไรลงมาโดยดัชนี Nikkei วันนี้ ปิด -1.3% ที่ระดับ 20,163.80 จุด หลังจากที่ปรับขึ้นมาได้ 4.37% ในช่วงวัน 3 ทำการก่อนหน้า

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Sumitomo Mitsui Trust Asset Management ประเมินว่า แม้ดัชนี Nikkei จะสามารถรีบาวน์ขึ้นมาจากระดับต่ำสุดของเดือน เม.ย. ปี 2017 ที่ 18,948.58 จุดได้ก็ตาม แต่ภาพรวมความเชื่อมั่นของตลาด็ยังคงอยู่ในระดับที่อ่อนแอ เนื่องจากสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

·       ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนและการกระตุ้นนโยบายทางเศรษฐกิจจีนได้เบาบางลงไป

โดยราคาผู้ผลิตของจีนประจำเดือนธ.ค.ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง

นับตั้งแต่เดอืนก.ย. ปี 2016 ที่ผ่านมา เนื่องจากโรงงานเผชิญกับการชะลอตัว

ปริมาณอุปสงค์ ขณะที่จีนเพิ่มการสนับสนุนนโยบายเพื่อหนุนเศรษฐกิจ.

ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ลดงลง 0.4% ที่ระดับ 2,535.10 จุด

·       บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการทำสัญญาระงับข้อพิพาทกับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่มีเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาของการดำเนินการภายใต้สัญญาสัมปทานยาวนานกว่า 27 ปี และเพิ่งสิ้นสุดลงไปเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2561 โดยตกลงชำระค่าตอบแทนเพื่อการระงับข้อพิพาท เป็นเงินจานวนทั้งสิ้น 9,510,246,120.62 บาท บริษัทฯจะชำระค่าตอบแทนส่วนแรกจำนวน 6,840,246,120.62 บาท ให้แก่ กสท. ก่อน ส่วนที่เหลือ บริษัทฯ จะชำระเมื่อกระบวนการถอนคดีที่ค้างอยู่ในศาลเสร็จสิ้นลง พร้อมยืนยันการชำระค่าตอบแทนดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อสภาพคล่อง และฐานะทางการเงินของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ

·       นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์ เพื่อสรุปแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินรายไตรมาสว่า ในปีนี้ ธปท.ประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยจะขยายตัวได้ประมาณ 4% โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะต่างประเทศ ทั้งผลกระทบของมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ-จีนที่อาจมากกว่าที่คาด การขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอาจต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากกรณีสหราชอาณาจักรอาจออกสภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง หรือ ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังขยายตัวไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะรายได้ภาคเกษตร ด้านการใช้จ่ายภาครัฐอาจต่ำกว่าที่คาด จากข้อจำกัดในการเบิกจ่ายและการดำเนินโครงการลงทุนของภาครัฐ 

อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังมองว่า จีดีพีของไทยยังขยายตัวสอดคล้องกับศักยภาพ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยธปท.พร้อมที่จะใช้เครื่องมือต่างๆที่มี เพื่อดูแลระบบเศรษฐกิจให้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้