โดยแรงเข้าซื้อค่าเงินหยวนในตลาดอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบปี ท่ามกลางมุมมองของเหล่านักลงทุนส่วนใหญ่ที่มองค่าเงินหยวนไปในเชิงบวก จึงทำให้ค่าเงินดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้มากขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ ปริมาณความต้องการในค่าเงินหยวนแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่ในเดือน ธ.ค. หลังมีสัญญาณการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเฟด รวมทั้งสัญญาณจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เป็นไปในเชิงบวก ขณะที่แรงเทขายในค่าเงินหยวนเริ่มเบาบางลงในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้
กราฟทั้ง 4 ต่อไปนี้ คือสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ว่าค่าเงินหยวนจะแข็งค่าต่อไปได้
1.แรงเข้าซื้อ
นักวิเคราะห์จาก Citigroup กล่าวว่า จากเส้น RSI (Relative Strength Index) ราย 14 วัน จะเห็นได้ว่าปริมาณความต้องการค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. ปี 2018 บ่งชี้ถึงทิศทางของแรงเข้าซื้อที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในค่าเงินหยวน อีกทั้งยังมีช่องว่างให้แรงเช้าซื้อยังสามารถขยายตัวต่อไปได้ ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
2. การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดของเดือน ก.ย. ทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีความน่าดึงดูดน้อยลงเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน โดยการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์เกิดจากการที่บรรดาสมาชิกเฟด รวมถึงประธานเฟดเอง ได้มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ระบุว่าจะคงอัตราการปรับลดพอร์ตงบดุลไว้ดังเดิม
3. ทิศทางที่เปลี่ยนเข้าสู่ตลาดกระทิง
นักวิเคราะห์จาก Citigroup ระบุว่า บรรดานักลงทุนในตลาดอนุพันธ์เริ่มมุมมองต่อค่าเงินหยวนที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นตลาดขาลง (ตลาดหมี) เข้าสู่ตลาดขาขึ้น (ตลาดกระทิง) เป็นจำนวนมากขึ้น จึงช่วยหนุนให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2011 ได้ โดยค่าเงินหยวนมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าต่อไปถึงระดับ 6.6 หยวน/ดอลลาร์ ท่ามกลางความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงมุมมองต่อค่าเงินหยวนในทิศทางขาลงที่ลดน้อยลงไป จึงน่าจะช่วยดึดดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศกลับเข้ามาตลาดจีนได้มากขึ้น
4.ปริมาณถือครองที่กลับตัวแบบ U-turn
Morgan Stanley ระบุว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติได้เพิ่มปริมาณการถือครองตราสารหนี้ของจีนในเดือนที่ผ่านมา สู่ระดับที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในประวัติการณ์ เรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับภาพรวมในเดือน พ.ย. ที่ตราสารหนี้ถูกเทขายลงมา ดังนั้น ภาพรวมตลาดจีนในปัจจุบันที่มีเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 12 ล้านล้านเหรียญ มีแนวโน้มที่จะได้รับเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเพิ่มมากขึ้นถึง 8 หมื่นล้านเหรียญภายในปีนี้